ระบบอัตโนมัติในโรงงาน

Automatic System in Factory

จุดมุ่งหมายหลักของรายวิชานี้คือการสร้างความเข้าใจในหลักการและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ ระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบ, ติดตั้ง, บำรุงรักษา และแก้ปัญหาระบบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเข้าสู่ภาคปฏิบัติจริง
นักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบสำคัญของระบบอัตโนมัติ เช่น:
1 เครื่องจักรอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม: การทำงานและการประยุกต์ใช้
2 ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Control Systems): เช่น PLC (Programmable Logic Controller)
3 ระบบเซนเซอร์และอุปกรณ์ตรวจจับ: การเลือกใช้งานให้เหมาะสม
4 การเชื่อมต่อเครือข่ายอุตสาหกรรม (Industrial Networking): เพื่อการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์
 
การพัฒนาและปรับปรุงรายวิชานี้เป็นไปเพื่อให้เนื้อหาทันสมัยและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งวัตถุประสงค์หลักได้แก่: 1 ปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีปัจจุบัน: เช่น การเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับ อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0), IoT (Internet of Things) ในโรงงาน, ระบบ SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) และการนำ AI มาใช้ในกระบวนการผลิต .
2 เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Hands-on Learning): เพิ่มชั่วโมงการทำโปรเจกต์หรือการฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการเพื่อให้นักศึกษาได้ลองใช้งานอุปกรณ์จริง เช่น การเขียนโปรแกรม PLC, การควบคุมหุ่นยนต์, และการสร้างระบบอัตโนมัติขนาดเล็ก
3 พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา (Problem-solving Skills): ปรับปรุงโจทย์และสถานการณ์จำลองให้มีความซับซ้อนและใกล้เคียงกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโรงงาน เพื่อฝึกให้นักศึกษารู้จักคิดวิเคราะห์และหาวิธีแก้ไข
4 บูรณาการความรู้ข้ามสาขา: ส่งเสริมให้นักศึกษาเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างระบบอัตโนมัติกับสาขาอื่น ๆ เช่น วิศวกรรมเครื่องกล, วิศวกรรมไฟฟ้า, และวิทยาการคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ศึกษาและปฏิบัติการที่ครอบคลุมด้านระบบอัตโนมัติในโรงงานปัจจุบัน หรือกรณีศึกษาเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ ที่ใช้งานจริงในสถานประกอบการที่นักศึกษาสนใจโดยผ่านความเห็นชอบจากอาจารย์ผู้สอน
Study and practice of automatic system in current factory or case studies in automatic system technology, the selected topics depend on student’s interests by the consent of his/her academic advisor.
1. ให้คำปรึกษาผ่านระบบโซเชียลเนตเวิร์ค เช่น ไลน์ หรือเฟสบุค ทั้งการคุยโต้ตอบทันทีและการฝากข้อความทิ้งไว้ใน E-mail และมีการตอบภายหลัง โดยนักศึกษาสามารถขอคำปรึกษาผ่านทางระบบนี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง (นอกเวลาราชการฝากข้อความ) หรือใช้ช่องทางโทรศัพท์ปรึกษาระยะสั้น ใน 8 ชั่วโมงของทุกวันและเวลาราชการ
2. อาจารย์จัดเวลาให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มตามความต้องการ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (เฉพาะรายที่ต้องการ)
 
1 ความซื่อสัตย์สุจริต: ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ ไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่น และรายงานผลการทดลองตามความเป็นจริง
2 ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม: มีความตระหนักในผลกระทบจากการออกแบบและใช้งานระบบอัตโนมัติ ทั้งในด้านความปลอดภัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อม
3 จรรยาบรรณในวิชาชีพ: ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด รวมถึงเคารพในทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีของผู้ผลิต
4 วินัยและความตรงต่อเวลา: เข้าเรียนและส่งงานตรงเวลา รวมถึงทำงานกลุ่มอย่างมีวินัยและรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
5 การทำงานเป็นทีม: มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างเพื่อหาข้อสรุปที่ดีที่สุด
 
1 สอดแทรกในการบรรยาย: ผู้สอนสอดแทรกประเด็นด้านคุณธรรมและจริยธรรมระหว่างการบรรยาย เช่น ยกตัวอย่างกรณีศึกษาเกี่ยวกับอุบัติเหตุในโรงงานที่เกิดจากการละเลยเรื่องความปลอดภัย
2 การอภิปรายกลุ่ม: จัดกิจกรรมให้นักศึกษาอภิปรายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับจรรยาบรรณ เช่น การใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์มาทดแทนแรงงานมนุษย์อย่างเหมาะสม
3 มอบหมายงานที่เน้นจริยธรรม: กำหนดหัวข้อโครงงานที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกคิดอย่างรอบด้าน .
4 ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม: เน้นย้ำเรื่องความร่วมมือและความรับผิดชอบในงานกลุ่ม เพื่อฝึกทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ
 
1 การสังเกตพฤติกรรม:  ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมการเข้าเรียน, การส่งงาน, การทำงานกลุ่ม, และการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน
2 การประเมินจากเพื่อนร่วมทีม: ให้สมาชิกในกลุ่มประเมินซึ่งกันและกันในเรื่องความรับผิดชอบและความร่วมมือในการทำงาน
3 การประเมินผลงาน: ตรวจสอบผลงานที่ส่งมอบ เช่น รายงานผลการทดลอง, รายงานโครงงาน เพื่อดูว่ามีการอ้างอิงข้อมูลอย่างถูกต้องหรือไม่
4 การอภิปรายและนำเสนอ:  ประเมินจากทัศนคติและแนวคิดที่แสดงออกระหว่างการอภิปรายหรือการนำเสนอผลงาน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของเทคโนโลยี
 
1 หลักการพื้นฐานของระบบอัตโนมัติ: เข้าใจแนวคิดและองค์ประกอบสำคัญของระบบอัตโนมัติในโรงงาน, ประโยชน์, และข้อจำกัด
2 ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Control Systems): เรียนรู้การทำงานของ PLC (Programmable Logic Controller) และ HMI (Human-Machine Interface) รวมถึงการเขียนโปรแกรมควบคุมตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
3 อุปกรณ์และส่วนประกอบ: รู้จักการเลือกใช้และหลักการทำงานของอุปกรณ์หลัก เช่น เซนเซอร์ (Sensors) ชนิดต่างๆ, แอคทูเอเตอร์ (Actuators), มอเตอร์ (Motors), และวาล์ว (Valves)
4 การสื่อสารและเครือข่ายอุตสาหกรรม: เข้าใจหลักการของ Industrial Networking เช่น Profinet หรือ EtherNet/IP เพื่อให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์และเครื่องจักรต่างๆ เข้าด้วยกัน
5 ความปลอดภัยในระบบอัตโนมัติ: ตระหนักถึงความสำคัญของ Safety System และอุปกรณ์ความปลอดภัยในโรงงานเพื่อป้องกันอันตราย
 
1 การบรรยายในชั้นเรียน: ใช้สื่อการสอนที่ทันสมัย เช่น สไลด์, วิดีโอ, และกรณีศึกษาจริงจากโรงงาน เพื่ออธิบายหลักการและทฤษฎี
2 การฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ: จัดให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติจริงกับชุดอุปกรณ์ เช่น ชุดทดลอง PLC, หุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดเล็ก, หรือ ชุดควบคุมมอเตอร์ เพื่อให้คุ้นเคยกับการใช้งานจริง
3 โครงงาน (Project-Based Learning): มอบหมายโครงงานที่ให้นักศึกษาได้ออกแบบและสร้างระบบอัตโนมัติขนาดเล็ก เพื่อฝึกการประยุกต์ใช้ความรู้และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
4 การเชิญวิทยากร: เชิญวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรมมาบรรยายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริง
5 การทัศนศึกษา: จัดให้นักศึกษาเยี่ยมชมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้เห็นภาพการทำงานของระบบอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมจริง .
 
1 การสอบข้อเขียน: วัดความเข้าใจในหลักการและทฤษฎีต่างๆ เช่น การทำงานของ PLC, การเลือกใช้เซนเซอร์ที่เหมาะสม
2 การประเมินผลปฏิบัติการ: ประเมินจากทักษะการเขียนโปรแกรม, การเดินสาย, และการควบคุมอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ รวมถึงการบันทึกผลการทดลอง
3 การนำเสนอโครงงาน: ประเมินจากผลงานที่ทำ, การนำเสนอแนวคิด, และการตอบคำถามเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและปัญหาที่พบ
4 แบบทดสอบย่อย: จัดทำแบบทดสอบย่อยระหว่างภาคการศึกษาเพื่อวัดความเข้าใจในแต่ละหัวข้อ และกระตุ้นให้นักศึกษาทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ
 
1 การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา: สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบอัตโนมัติ เช่น ความผิดปกติของเซนเซอร์หรือข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรม และหาสาเหตุรวมถึงวิธีการแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ
2 การคิดเชิงระบบ: เข้าใจภาพรวมของระบบอัตโนมัติทั้งหมดและเห็นความเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เช่น การทำงานของ PLC, เซนเซอร์, มอเตอร์ และการสื่อสารเครือข่าย
3 ความคิดสร้างสรรค์: สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ ในการออกแบบหรือพัฒนาระบบอัตโนมัติใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
4 การบูรณาการความรู้: นำความรู้จากวิชาอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กลศาสตร์, อิเล็กทรอนิกส์, และการเขียนโปรแกรม มาใช้ประกอบกันในการออกแบบและแก้ไขปัญหา
 
1 การพัฒนาทักษะทางปัญญาทำได้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ที่ท้าทายและส่งเสริมการคิด:
2 การใช้กรณีศึกษา (Case Study): นำกรณีศึกษาจริงที่เกิดขึ้นในโรงงานมาให้นักศึกษาช่วยกันวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไข
3 การมอบหมายโครงงาน: กำหนดโครงงานที่ต้องอาศัยการออกแบบและการสร้างระบบอัตโนมัติจริง เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกการวางแผน, การเลือกอุปกรณ์, และการแก้ไขปัญหาตลอดกระบวนการ
4 การฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ: จัดกิจกรรมที่ให้นักศึกษาได้ลองแก้ปัญหา (Troubleshooting) กับชุดทดลอง โดยอาจมีการจำลองสถานการณ์ที่ผิดปกติขึ้นมา
5 การอภิปรายกลุ่ม: จัดให้มีการระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนแนวทางในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน โดยผู้สอนทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำและตั้งคำถามกระตุ้นความคิด
 
1 การประเมินผลจะเน้นที่กระบวนการคิดและผลลัพธ์ที่ได้จากทักษะทางปัญญา:
2 การประเมินจากโครงงาน: ประเมินจากความสามารถในการออกแบบ, การวางแผน, และการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำโครงงาน
3 การสอบวัดทักษะ: จัดทำข้อสอบที่เน้นการวิเคราะห์สถานการณ์และนำความรู้มาประยุกต์ใช้ ไม่ใช่แค่การท่องจำเนื้อหา
4 การสังเกตจากการปฏิบัติงาน: ผู้สอนสังเกตวิธีการคิดและการแก้ไขปัญหาของนักศึกษาในระหว่างการฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ
5 การประเมินจากการนำเสนอ: ประเมินจากความสามารถในการอธิบายแนวคิด, การวิเคราะห์ปัญหา, และการตอบคำถามอย่างเป็นเหตุเป็นผลในระหว่างการนำเสนอผลงาน
 
1 การทำงานเป็นทีม: สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นในฐานะผู้นำหรือผู้ตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ รับฟังความคิดเห็นและยอมรับความแตกต่างในกลุ่ม
2 ความรับผิดชอบในหน้าที่: มีวินัยและความรับผิดชอบต่อภาระงานที่ได้รับมอบหมาย ทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่ม และส่งมอบงานตามกำหนดเวลา
3 ภาวะผู้นำและผู้ตาม: สามารถเป็นผู้นำที่ดีในการแบ่งงาน, วางแผน, และกระตุ้นให้สมาชิกในทีมทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น รวมถึงการเป็นผู้ตามที่ดีที่ให้ความร่วมมือ
4 การสื่อสาร: สามารถสื่อสารและนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย ทั้งการสื่อสารภายในทีมและการนำเสนอผลงานต่อหน้าชั้นเรียน .
 
1 การมอบหมายโครงงานกลุ่ม: ให้ทำโครงงานที่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อฝึกให้นักศึกษาได้วางแผน, แบ่งงาน, และแก้ไขปัญหาร่วมกัน
2 การฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการแบบกลุ่ม: จัดให้นักศึกษาทำกิจกรรมในห้องปฏิบัติการเป็นทีม เพื่อให้ได้ฝึกการแลกเปลี่ยนความรู้และช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
3 การอภิปรายและนำเสนอ: กำหนดให้มีการนำเสนอผลงานกลุ่มหน้าชั้นเรียน เพื่อฝึกการสื่อสารและการทำงานร่วมกันในการเตรียมการนำเสนอ
4 การจำลองสถานการณ์: จัดให้มีการจำลองสถานการณ์ปัญหาที่ต้องอาศัยการประสานงานของหลายฝ่ายในโรงงาน เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้การสื่อสารและแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น
 
1 การประเมินผลโครงงานกลุ่ม: ประเมินจากความสมบูรณ์ของผลงาน, ความร่วมมือในการทำงาน, และการจัดการปัญหาในกลุ่ม
2 การประเมินจากเพื่อนร่วมทีม: ให้สมาชิกในกลุ่มประเมินความรับผิดชอบ, ความร่วมมือ, และการมีส่วนร่วมของเพื่อนร่วมทีม
3 การสังเกตการณ์ของผู้สอน: ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมการทำงานในห้องปฏิบัติการและระหว่างการทำกิจกรรมกลุ่ม เช่น การมีส่วนร่วม, การแสดงความคิดเห็น, และการช่วยแก้ปัญหา
4 การนำเสนอผลงาน: ประเมินจากความสามารถในการนำเสนอผลงานของทีม, การตอบคำถาม, และทัศนคติที่แสดงออกในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
 
1 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข: สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์, ข้อมูลการผลิต, หรือพารามิเตอร์ของระบบควบคุมต่างๆ เพื่อประเมินประสิทธิภาพและหาแนวทางในการปรับปรุง
2 ทักษะการสื่อสาร: สามารถสื่อสารข้อมูลทางเทคนิคที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย ทั้งในรูปแบบของการเขียนรายงาน, การทำเอกสารประกอบการสอน, และการนำเสนอผลงานอย่างเป็นระบบ
3 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ: มีความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมควบคุม (เช่น PLC Programming Software), โปรแกรมจำลองการทำงาน (Simulation Software), และโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล
 
1 การใช้โปรแกรมจำลอง (Simulation): สอนการใช้โปรแกรมจำลองการทำงานของระบบอัตโนมัติเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของระบบก่อนการสร้างจริง
2 การฝึกปฏิบัติกับซอฟต์แวร์: จัดให้นักศึกษาได้ฝึกเขียนโปรแกรม PLC และ HMI ด้วยซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมจริง
3 การมอบหมายงานวิเคราะห์ข้อมูล: ให้งานที่ต้องมีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากเครื่องจักร เช่น การนำข้อมูลการผลิตมาคำนวณประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจักร (OEE - Overall Equipment Effectiveness)
4 การนำเสนอด้วยสื่อดิจิทัล: กำหนดให้การนำเสนอผลงานต้องใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และสื่อดิจิทัลที่เหมาะสม เพื่อฝึกการสื่อสารข้อมูลทางเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ .
 
1 การประเมินรายงานและเอกสาร: ประเมินความถูกต้องของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลขที่ปรากฏในรายงาน, ความเป็นระบบ, และความสามารถในการสรุปผล
2 การประเมินผลการเขียนโปรแกรม: ตรวจสอบความถูกต้องของโปรแกรมที่เขียนขึ้น, ประสิทธิภาพในการทำงาน, และความสามารถในการแก้ไขปัญหา
3 การสอบวัดทักษะ: จัดสอบภาคปฏิบัติที่เน้นการใช้โปรแกรมและเครื่องมือต่างๆ ในการแก้ปัญหาที่กำหนด
4 การนำเสนอผลงาน: ประเมินจากความสามารถในการสื่อสารข้อมูลทางเทคนิคที่ซับซ้อน, การใช้สื่อนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ, และการตอบคำถามอย่างมีเหตุผล
 
1 ทักษะการใช้งานอุปกรณ์: สามารถใช้งาน, ตั้งค่า, และบำรุงรักษาอุปกรณ์หลักในระบบอัตโนมัติ เช่น PLC, HMI, เซนเซอร์, และมอเตอร์ได้อย่างถูกต้อง
2 ทักษะการเขียนโปรแกรม: สามารถเขียนโปรแกรมควบคุม PLC สำหรับงานอุตสาหกรรมที่ซับซ้อนได้ เช่น การควบคุมลำเลียงสินค้า, การบรรจุหีบห่อ, หรือการควบคุมหุ่นยนต์แขนกล .
3 ทักษะการแก้ปัญหาทางเทคนิค: สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบอัตโนมัติได้ เช่น การตรวจสอบหาสาเหตุของความผิดพลาดในโปรแกรมหรือการทำงานของอุปกรณ์
4 ทักษะการออกแบบและติดตั้ง: สามารถออกแบบวงจรควบคุม, วงจรไฟฟ้า, และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบอัตโนมัติได้อย่างเป็นระเบียบและปลอดภัย
 
1 การฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ: จัดให้มีการฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการอย่างเข้มข้น โดยใช้ชุดทดลองหรืออุปกรณ์จริงที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม
2 การสอนแบบเน้นโครงงาน (Project-Based Learning): มอบหมายโครงงานที่ให้นักศึกษาได้ออกแบบ, สร้าง, และทดสอบระบบอัตโนมัติขนาดเล็ก เพื่อให้ได้ฝึกทักษะตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการแก้ปัญหาหน้างาน
3 การจำลองสถานการณ์: ใช้โปรแกรมจำลอง (Simulation Software) เพื่อให้นักศึกษาได้ทดลองเขียนโปรแกรมและดูผลลัพธ์ก่อนการนำไปใช้งานจริงกับอุปกรณ์
4 การใช้ผู้เชี่ยวชาญ: เชิญวิทยากรจากภาคอุตสาหกรรมมาสาธิตการใช้งานอุปกรณ์และแบ่งปันประสบการณ์จริง
 
1 การประเมินผลปฏิบัติการ: ประเมินจากความสามารถในการใช้งานอุปกรณ์, การเขียนโปรแกรม, และการทำงานที่ได้รับมอบหมายในห้องปฏิบัติการ
2 การประเมินผลโครงงาน: ประเมินจากความสำเร็จของโครงงาน, คุณภาพของผลงาน, และความสามารถในการนำเสนอแนวคิด
3 การสอบภาคปฏิบัติ: จัดสอบภาคปฏิบัติที่ให้นักศึกษาได้แก้ปัญหาหน้างานจริง เช่น การแก้ไขโปรแกรมที่ผิดพลาด หรือการติดตั้งอุปกรณ์ตามโจทย์ที่กำหนด
4 การสังเกตการณ์ของผู้สอน: ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมการทำงาน, ความละเอียดรอบคอบ, และทักษะการแก้ปัญหาของนักศึกษาในระหว่างการฝึกปฏิบัติ
 
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 ทดสอบย่อย 1 ทดสอบย่อย 2 สอบกลางภาคเรียน สอบปลายภาคเรียน แบบทดสอบ Google Form, ข้อสอบทฤษฎี, ข้อสอบปฏิบัติ 4 8 9 17 10% 10% 25% 25%
2 การทำงานกลุ่มและผลงาน วิเคราะห์กรณีศึกษาค้นคว้า การนำเสนอ รายงาน ตลอดภาคการศึกษา 20%
3 เข้าชั้นเรียน การเข้าชั้นเรียน การมีส่วนร่วม อภิปราย เสนอความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์ ตลอดภาคการศึกษา 10%
1 หนังสือเรียน ที่ครอบคลุมหัวข้อหลัก เช่น ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Control Systems), Programmable Logic Controller (PLC), เซนเซอร์ (Sensors) และแอคทูเอเตอร์ (Actuators) โดยอาจเลือกใช้หนังสือทั้งของไทยและต่างประเทศที่มีเนื้อหาทันสมัย
2 คู่มือปฏิบัติการ (Lab Manuals) ที่จัดทำขึ้นเองโดยผู้สอน เพื่อใช้ประกอบการฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ ควบคู่ไปกับชุดทดลองจริง
3 สไลด์การสอน ที่สรุปเนื้อหาสำคัญในแต่ละบทเรียน เพื่อให้นักศึกษาทบทวนความรู้ได้ง่าย
 
1 คู่มือการใช้งานอุปกรณ์ (Data Sheets/User Manuals) ของอุปกรณ์ที่ใช้จริงในห้องปฏิบัติการ เช่น PLC, HMI (Human-Machine Interface), Servo Motor หรือ Sensor ต่างๆ เพื่อให้นักศึกษาเรียนรู้การอ่านค่าและตั้งค่าอุปกรณ์ได้อย่างถูกต้อง
2 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม (Programming Software) เช่น Siemens TIA Portal, Rockwell Studio 5000 หรือ Mitsubishi GX Works รวมถึงคู่มือการใช้งานซอฟต์แวร์เหล่านั้น
3 มาตรฐานอุตสาหกรรม (Industrial Standards) ที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐานการเดินสายไฟ, มาตรฐานความปลอดภัย (Safety Standards), หรือมาตรฐานเครือข่ายอุตสาหกรรม (Industrial Network Standards) เช่น PROFINET หรือ EtherNet/IP .
 
1 วิดีโอการสอนและสาธิต (Tutorial Videos) จากแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น YouTube หรือเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ เพื่อให้นักศึกษาเห็นภาพการทำงานจริง
2 บทความวิจัยและนิตยสารอุตสาหกรรม เพื่อติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ และแนวโน้มของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรม 4.0
3 แหล่งข้อมูลออนไลน์ (Online Resources) เช่น เว็บบอร์ดหรือฟอรัมของผู้ใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแก้ปัญหาร่วมกัน
4 เว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ เช่น Siemens, Rockwell Automation, Omron หรือ Mitsubishi Electric ซึ่งมักจะมีคู่มือ, วิดีโอสอน, และซอฟต์แวร์เวอร์ชันทดลองให้ดาวน์โหลดฟรี
 
1 แบบประเมินออนไลน์หรือแบบสอบถาม: ให้ผู้เรียนทำแบบประเมินในช่วงท้ายของภาคการศึกษา เพื่อวัดความพึงพอใจต่อเนื้อหา, วิธีการสอน, สื่อการสอน, และประโยชน์ที่ได้รับ
2 การอภิปรายกลุ่ม: จัดให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเพื่อระดมสมองและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับจุดแข็ง-จุดอ่อนของรายวิชา
3 การสัมภาษณ์: สุ่มสัมภาษณ์นักศึกษาเพื่อเจาะลึกถึงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
 
1 การประเมินตนเองของผู้สอน: อาจารย์ผู้สอนประเมินการสอนของตนเองจากบันทึกการสอน, ปัญหาที่พบ, และผลการเรียนรู้ของนักศึกษา
2 การประเมินโดยเพื่อนร่วมงาน: ให้อาจารย์ท่านอื่นเข้าร่วมสังเกตการณ์การสอนและให้ข้อเสนอแนะ
3 การใช้ผลการเรียนรู้ของนักศึกษา: วิเคราะห์คะแนนสอบ, ผลงานโปรเจกต์, และการเข้าเรียน เพื่อเป็นข้อมูลสะท้อนประสิทธิภาพการสอน
 
1 ปรับปรุงสื่อการสอน: พัฒนาสไลด์, เอกสารประกอบการสอน, และวิดีโอสาธิตการใช้งานอุปกรณ์ให้มีความทันสมัยและเข้าใจง่ายขึ้น
2 ปรับเปลี่ยนวิธีการสอน: เพิ่มการเรียนรู้แบบ Problem-Based Learning (การเรียนรู้จากปัญหา) หรือ Project-Based Learning (การเรียนรู้จากโครงงาน) เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริงมากขึ้น
3 จัดกิจกรรมนอกเวลา: เช่น การทัศนศึกษาโรงงานอุตสาหกรรม หรือเชิญวิทยากรจากภาคอุตสาหกรรมมาบรรยายพิเศษ
 
1 การทวนสอบจากข้อสอบและคะแนน: ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของข้อสอบและแนวทางการให้คะแนน
2 การทวนสอบจากผลงาน: ตรวจสอบและให้คะแนนผลงานโปรเจกต์หรืองานปฏิบัติการของนักศึกษาอย่างเป็นระบบ เพื่อยืนยันว่านักศึกษามีทักษะตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
3 การเปรียบเทียบผลการเรียน: เปรียบเทียบผลการเรียนในแต่ละปีการศึกษา เพื่อดูแนวโน้มและมาตรฐานของนักศึกษา
 
1 แต่งตั้งคณะกรรมการ: จัดตั้งคณะกรรมการทบทวนรายวิชา ประกอบด้วยอาจารย์ผู้สอน, ผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรม, และตัวแทนนักศึกษา
2 รวบรวมข้อมูล: รวบรวมข้อมูลจากกลยุทธ์การประเมินทั้งหมด (จากข้อ 1-4)
3 การประชุมและวิเคราะห์: จัดประชุมเพื่อวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน และปัญหาที่พบในรายวิชา
4 วางแผนปรับปรุง: กำหนดแผนการปรับปรุงที่ชัดเจน เช่น การปรับเปลี่ยนเนื้อหา, เพิ่มหัวข้อใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Industry 4.0 หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการให้ทันสมัยมากขึ้น และกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการ .