ฝึกประสบการณ์วิชาชีพด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ 1

Professional Experience in Software Engineering 1

รายวิชานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้และทฤษฎีที่ได้เรียนในห้องเรียนไป ประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง ภายใต้สภาพแวดล้อมขององค์กรธุรกิจด้านซอฟต์แวร์ เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพในอนาคต
 
การพัฒนาปรับปรุงรายวิชานี้มุ่งเน้นให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ ดังนี้:
1 ด้านความรู้ (Knowledge):
1.1 เพื่อให้นักศึกษามีความเข้าใจใน กระบวนการทำงานจริง ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เช่น Agile, Scrum หรือ DevOps
1.2 เพื่อให้นักศึกษารู้จักและสามารถใช้ เครื่องมือและเทคโนโลยี ที่ทันสมัยซึ่งใช้ในองค์กรได้อย่างเหมาะสม
1.3 เพื่อให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ทางทฤษฎีมา แก้ปัญหาทางเทคนิค ที่เกิดขึ้นจริงในโครงการ
 
2 ด้านทักษะ (Skills):
2.1 เพื่อให้นักศึกษาพัฒนา ทักษะการเขียนโค้ดและการออกแบบระบบ ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
2.2 เพื่อให้นักศึกษาฝึกฝน ทักษะการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร กับเพื่อนร่วมงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
2.3 เพื่อให้นักศึกษามี ทักษะการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) และการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
 
3 ด้านเจตคติ (Attitudes):
3.1 เพื่อให้นักศึกษามี ความรับผิดชอบและจรรยาบรรณ ในวิชาชีพ
3.2 เพื่อให้นักศึกษามี ทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนรู้ และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
3.3 เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจ บทบาทและหน้าที่ ของวิศวกรซอฟต์แวร์ในองค์กรและสังคม
 
ฝึกประสบการณ์วิชาชีพด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ในองค์การหรือหน่วยงานหรือ สถานประกอบการธุรกิจที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับความรู้ ทักษะ เจตคติ และประสบการณ์ในอาชีพ เป็นเวลา 1 ภาคเรียนตามที่หลักสูตรกำหนดแต่ไม่น้อยกว่า 15 สัปดาห์ โดยระหว่างการปฏิบัติงานจะมีการติดตามผล และประเมินร่วมกันระหว่างนักศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษาและหัวหน้างาน นักศึกษา จะต้องส่งรายงานฉบับสมบูรณ์และเข้าสอบโดยการสัมมนา
หมายเหตุ : การประเมินผลนักศึกษา ให้ค่าระดับคะแนนเป็น S (Satisfactory) พ.จ. (พอใจ) และ U (Unsatisfactory) ม.จ. (ไม่พอใจ)
 
Practicing professional experience in software engineering in an organization or agency or suitable business establishment to acquire knowledge, skills, attitude and professional experience for 1 semester as required by the program, but not less than 15 weeks under supervision of industrial supervisors and the faculty staffs. A full written report and oral presentation are required.
 
1 ความซื่อสัตย์สุจริต: มีความซื่อตรงต่อตนเองและผู้อื่นในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และการใช้ข้อมูล.
2 ความรับผิดชอบ: มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและต่อผลงานที่สร้างขึ้น.
3 การตรงต่อเวลา: เคารพเวลาในการทำงานและการนัดหมาย.
4 การทำงานร่วมกับผู้อื่น: มีทัศนคติที่ดีในการทำงานเป็นทีมและให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน.
5 จรรยาบรรณวิชาชีพ: เข้าใจและปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณของวิศวกรซอฟต์แวร์.
 
1 การฝึกปฏิบัติงานจริง: นักศึกษาจะได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงในการทำงานร่วมกับทีมและรับผิดชอบต่อหน้าที่.
2 การให้คำปรึกษาจากผู้ควบคุมการฝึกงาน: ผู้ควบคุมจะคอยให้คำแนะนำและเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงาน.
3 การเข้าร่วมประชุมและกิจกรรมของบริษัท: นักศึกษาจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรและหลักปฏิบัติในการทำงาน.
4 การให้กรณีศึกษา: นำเสนอกรณีศึกษาเกี่ยวกับประเด็นทางจริยธรรมที่อาจเกิดขึ้นในวงการซอฟต์แวร์ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และคิดวิเคราะห์.
 
1 การประเมินจากผู้ควบคุมการฝึกงานในสถานประกอบการ: ผู้ควบคุมจะประเมินพฤติกรรมและความรับผิดชอบของนักศึกษา.
2 การสังเกตพฤติกรรมในที่ทำงาน: สังเกตจากความตรงต่อเวลา, การมีส่วนร่วม, และทัศนคติในการทำงาน.
3 รายงานการฝึกงาน: ประเมินจากการสะท้อนความคิดเห็นของนักศึกษาในประเด็นคุณธรรมและจริยธรรมในรายงาน.
 
1 วงจรชีวิตการพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDLC): เข้าใจขั้นตอนและกระบวนการตั้งแต่การวางแผน การออกแบบ การพัฒนา การทดสอบ ไปจนถึงการบำรุงรักษาซอฟต์แวร์.
2 เทคโนโลยีและเครื่องมือ: ได้รับความรู้จากการใช้งานเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ในปัจจุบัน เช่น ภาษาโปรแกรม, เฟรมเวิร์ก, ฐานข้อมูล, และระบบควบคุมเวอร์ชัน (Version Control System).
3 การทำงานเป็นทีม: เข้าใจหลักการทำงานร่วมกันในทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น การแบ่งงาน, การสื่อสาร, และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน.
4 จรรยาบรรณวิชาชีพ: ตระหนักถึงความสำคัญของจรรยาบรรณ, ความรับผิดชอบ, และความปลอดภัยในการทำงานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์.
 
1 การฝึกปฏิบัติงานจริง (On-the-Job Training): นักศึกษาจะได้ทำงานในสภาพแวดล้อมจริงเพื่อนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้.
2 การให้คำปรึกษา (Mentoring): ผู้เชี่ยวชาญในสถานประกอบการจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการฝึกงาน.
3 การเข้าร่วมการประชุม (Meetings): นักศึกษาจะได้เข้าร่วมการประชุมทีมเพื่อรับทราบความคืบหน้าของโปรเจกต์และวางแผนการทำงาน.
 
1 การประเมินจากผู้ควบคุมการฝึกงานในสถานประกอบการ: ผู้ควบคุมจะประเมินผลการปฏิบัติงาน ความรับผิดชอบ และทักษะการทำงานของนักศึกษา.
2 การจัดทำรายงาน: ประเมินความเข้าใจในกระบวนการทำงานและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการจัดทำรายงานการฝึกงาน.
3 การนำเสนอผลงาน: ประเมินความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการนำเสนอผลงานที่ได้ทำ.
4 สมุดบันทึกการฝึกงาน: ประเมินการติดตามความก้าวหน้าและการสะท้อนความคิดเห็นของนักศึกษา.
 
1 ทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving): สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อนในระบบซอฟต์แวร์, ค้นหาสาเหตุ, และเสนอแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม.
2 ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking): สามารถประเมินทางเลือกและตัดสินใจเลือกแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด โดยคำนึงถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทาง.
3 ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Learning): สามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็ว.
 
1 การมอบหมายงานที่มีความท้าทาย: ให้โจทย์ที่ต้องใช้การวิเคราะห์และแก้ปัญหาจริง เพื่อฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหาในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง.
2 การ mentoring จากผู้เชี่ยวชาญ: ผู้ควบคุมการฝึกงานจะคอยให้คำแนะนำและกระตุ้นให้คิดวิเคราะห์ปัญหาด้วยตัวเอง.
3 การเข้าร่วมการประชุม (Meetings): ให้นักศึกษาได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อเรียนรู้กระบวนการคิดและตัดสินใจของทีม.
4 การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง: ส่งเสริมให้นักศึกษาค้นคว้าข้อมูลและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับงานที่ได้รับมอบหมาย.
 
1 การประเมินจากผู้ควบคุมการฝึกงาน: ประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน.
2 รายงานการฝึกงาน: ประเมินทักษะการวิเคราะห์และสรุปปัญหาจากการจัดทำรายงาน.
3 การนำเสนอผลงาน: ประเมินความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์และการสื่อสารแนวคิดในการนำเสนอ.
4 การตอบคำถาม: ประเมินความเข้าใจและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ในระหว่างการสัมภาษณ์.
 
1 ทักษะการทำงานเป็นทีม: สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นในทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าใจบทบาทของตนเองในโปรเจกต์.
2 ความรับผิดชอบ: มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย, ส่งมอบงานตามกำหนดเวลา, และตระหนักถึงผลกระทบของงานที่ทำ.
3 การปรับตัว: สามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรและวิธีการทำงานของทีมได้.
4 การสื่อสาร: สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาได้อย่างชัดเจนและสร้างสรรค์.
 
1 การมอบหมายงานที่มีความชัดเจน: ผู้ควบคุมการฝึกงานจะมอบหมายงานที่ต้องใช้ความรับผิดชอบและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด.
2 การเข้าร่วมกิจกรรมของทีม: ส่งเสริมให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของทีม เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี.
3 การให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback): ผู้ควบคุมการฝึกงานจะให้ข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกับพฤติกรรมและการทำงาน เพื่อให้นักศึกษาได้พัฒนาตัวเอง.
 
1 การประเมินจากผู้ควบคุมการฝึกงานในสถานประกอบการ: ผู้ควบคุมจะประเมินทักษะการทำงานเป็นทีม, ความรับผิดชอบ, และทัศนคติในการทำงาน.
2 การประเมินตนเองและเพื่อนร่วมทีม: ให้นักศึกษาประเมินตัวเองและเพื่อนร่วมทีมเพื่อส่งเสริมการสะท้อนความคิด.
3 การสังเกตพฤติกรรมในที่ทำงาน: ประเมินจากการสังเกตพฤติกรรมในระหว่างการทำงานร่วมกัน.
4 รายงานการฝึกงาน: ประเมินจากการเขียนรายงานที่สะท้อนถึงการทำงานร่วมกับผู้อื่นและสิ่งที่ได้เรียนรู้.
 
1 นักศึกษาที่เข้าร่วมฝึกประสบการณ์วิชาชีพจะได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานจริงในสายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ดังนี้:
2 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข: สามารถวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพของระบบซอฟต์แวร์, การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาข้อผิดพลาด, และการใช้ข้อมูลเชิงตัวเลขในการตัดสินใจทางเทคนิค.
3 ทักษะการสื่อสาร: สามารถสื่อสารแนวคิดทางเทคนิคกับเพื่อนร่วมทีม, หัวหน้างาน, และลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบการเขียนและพูด.
4 ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ: สามารถใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างคล่องแคล่ว เช่น Git, IDEs, และเครื่องมือบริหารจัดการโปรเจกต์ (Project Management Tools).
 
1 การฝึกปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการ: นักศึกษาจะทำงานร่วมกับทีมงานจริงเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้ได้ฝึกฝนทักษะทั้งหมดในสภาพแวดล้อมจริง.
2 การ mentoring: ผู้เชี่ยวชาญในสถานประกอบการจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด.
3 การนำเสนอผลงานและสรุปความก้าวหน้า: นักศึกษาต้องนำเสนอความคืบหน้าของงานที่ได้รับมอบหมายเป็นระยะๆ.
4 การเขียนรายงาน: ฝึกการเขียนรายงานเชิงเทคนิคและสรุปผลการปฏิบัติงาน.
 
1 การนำเสนอผลงาน: ประเมินทักษะการสื่อสารจากการนำเสนอโปรเจกต์และผลลัพธ์ที่ได้.
2 รายงานการฝึกงาน: ประเมินทักษะการเขียนและการวิเคราะห์จากการจัดทำรายงานการฝึกงาน.
3 การสอบสัมภาษณ์: ประเมินความเข้าใจในหลักการและประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกงาน.
 
1 ทักษะการเขียนโปรแกรม: สามารถเขียนโค้ดที่ถูกต้องตามหลักการ, มีประสิทธิภาพ, และสามารถบำรุงรักษาได้.
2 ทักษะการใช้เครื่องมือ: สามารถใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างคล่องแคล่ว เช่น IDEs, ระบบควบคุมเวอร์ชัน (Git), และเครื่องมือทดสอบอัตโนมัติ.
3 ทักษะการทดสอบซอฟต์แวร์: สามารถสร้างและดำเนินการทดสอบเพื่อหาข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์ได้อย่างเป็นระบบ.
4 ทักษะการปรับปรุงและแก้ไข (Debugging): สามารถวิเคราะห์และแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ.
 
1 การปฏิบัติงานจริง (On-the-Job Training): นักศึกษาจะได้ลงมือเขียนโค้ดและพัฒนาซอฟต์แวร์จริงในสภาพแวดล้อมการทำงาน.
2 การมอบหมายงานที่มีความชัดเจน: มอบหมายงานที่ต้องใช้ทักษะการเขียนโปรแกรมและการแก้ปัญหาจริง.
3 การให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ: ผู้ควบคุมการฝึกงานจะคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการเขียนโค้ดที่ดีและเครื่องมือที่ใช้.
4 การ Code Review: นักศึกษาจะได้เรียนรู้จากการให้และรับคำแนะนำในการตรวจสอบโค้ดจากเพื่อนร่วมทีมและหัวหน้างาน.
 
1 การประเมินผลงานจากหัวหน้างาน: หัวหน้างานจะประเมินคุณภาพของโค้ดที่นักศึกษาเขียนและผลงานที่ส่งมอบ.
2 การทดสอบปฏิบัติ: ให้นักศึกษาเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาที่กำหนดให้ภายในเวลาที่จำกัด.
3 การนำเสนอผลงาน: ประเมินจากการสาธิตการทำงานของซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้น.
4 รายงานการฝึกงาน: ประเมินจากการอธิบายขั้นตอนการพัฒนาและเทคนิคที่ใช้ในรายงาน.
 
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 การมีส่วนร่วมในโครงการจริง: นักศึกษาจะได้เข้าร่วมทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อเรียนรู้กระบวนการทำงานจริงตั้งแต่ต้นจนจบ. การจัดทำรายงานความคืบหน้า: นักศึกษาต้องบันทึกและรายงานความคืบหน้าของงานเป็นระยะๆ. การแก้ไขปัญหาและการเรียนรู้ด้วยตนเอง: เผชิญกับปัญหาในการทำงานจริงและเรียนรู้การค้นคว้าและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง. การจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์และนำเสนอผลงานหรือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการฝึกงาน. *สถานประกอบการ เป็นผู้ประเมิน 17 100%
เอกสารและข้อมูลที่นักศึกษาควรเตรียม
A เอกสารส่วนตัว:
1 ประวัติย่อ (Resume/CV): อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน แสดงทักษะ, ประสบการณ์, และโปรเจกต์ที่เคยทำ
2 แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio): รวบรวมโปรเจกต์ที่น่าสนใจ รวมถึงลิงก์ไปยัง GitHub, GitLab, หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่แสดงผลงานเขียนโค้ด
3 สำเนาเอกสารประจำตัว: บัตรนักศึกษา, บัตรประชาชน และเอกสารอื่นๆ ที่องค์กรอาจร้องขอ
 
B ข้อมูลเชิงเทคนิค:
1 แนวคิดวิศวกรรมซอฟต์แวร์: ทบทวนความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตการพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDLC), หลักการ Agile, Scrum และแนวทางปฏิบัติที่ดี
2 เครื่องมือและเทคโนโลยี: ทบทวนการใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้อง เช่น Git, Jira, Trello, หรือภาษาโปรแกรมที่ใช้ในองค์กร
 
เอกสารและข้อมูลที่สถาบันควรจัดเตรียม
C เอกสารประกอบการฝึกงาน:
1 คู่มือการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ: ระบุวัตถุประสงค์, รายละเอียดการฝึกงาน, หน้าที่ของนักศึกษา, อาจารย์ที่ปรึกษา และหัวหน้างาน รวมถึงเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน
2 แบบฟอร์มบันทึกการปฏิบัติงาน: แบบฟอร์มสำหรับนักศึกษาเพื่อบันทึกกิจกรรม, ปัญหาที่พบ, และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์
3 แบบประเมินผลการฝึกงาน: แบบฟอร์มสำหรับหัวหน้างานและอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของนักศึกษาในด้านทักษะทางเทคนิค, การทำงานเป็นทีม, และเจตคติในการทำงาน

D ข้อมูลการติดต่อ:
1 รายชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา: ข้อมูลการติดต่อของอาจารย์ที่รับผิดชอบการดูแลนักศึกษาแต่ละคน
2 ช่องทางการสื่อสาร: ช่องทางที่ใช้ในการติดต่อกับนักศึกษาและสถานประกอบการ เช่น อีเมล, Line Official, หรือระบบออนไลน์ของสถาบัน
 

ข้อมูลที่แนะนำจากหัวหน้างาน
E ขอบเขตงานและโครงการ:
1 คำอธิบายโครงการ: รายละเอียดของโครงการที่นักศึกษาจะเข้าไปมีส่วนร่วม
2 เครื่องมือและเทคโนโลยี: ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือ, ภาษาโปรแกรม, และเทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการ
3 ความคาดหวัง: สิ่งที่องค์กรคาดหวังจากนักศึกษาฝึกงาน ทั้งในด้านความรู้และทัศนคติ
 

F วัฒนธรรมองค์กร:
1 แนวทางการทำงาน: ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานในทีม, การประชุม, และวัฒนธรรมขององค์กร
2 พี่เลี้ยง (Mentor): การแต่งตั้งพี่เลี้ยงหรือผู้ดูแลนักศึกษาในทีม เพื่อให้คำปรึกษาและช่วยเหลือนักศึกษาในระหว่างการฝึกงาน
 
1 แบบประเมินออนไลน์: ให้นักศึกษาทำแบบสำรวจเมื่อสิ้นสุดการฝึกงานเพื่อประเมินความพึงพอใจต่อการจัดเตรียมรายวิชา, การติดตามผลของอาจารย์ที่ปรึกษา และประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกประสบการณ์
2 การอภิปรายกลุ่มย่อย: จัดการประชุมกลุ่มย่อยหลังจากนักศึกษาฝึกงานเสร็จสิ้น เพื่อให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นเชิงลึกเกี่ยวกับจุดแข็ง จุดอ่อน และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงรายวิชา
3 การประเมินจากรายงานฉบับสมบูรณ์: พิจารณาจากเนื้อหาในรายงานที่สะท้อนถึงประสบการณ์ ปัญหาที่พบ และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของรายวิชา
 
1 แบบประเมินอาจารย์ที่ปรึกษา: ให้นักศึกษาประเมินอาจารย์ที่ปรึกษาในด้านการให้คำแนะนำ, การติดตามผล, การให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา และความสามารถในการประสานงานกับสถานประกอบการ
2 การประเมินตนเองของผู้สอน: อาจารย์ที่ปรึกษาทำการบันทึกและประเมินการปฏิบัติงานของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในด้านการให้คำปรึกษาและการติดต่อประสานงานกับสถานประกอบการ
3 การประเมินจากหัวหน้างาน: รวบรวมข้อเสนอแนะจากหัวหน้างานของนักศึกษา เพื่อประเมินความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างอาจารย์กับสถานประกอบการ
 
1 ปรับปรุงแนวทางการให้คำปรึกษา: จากผลประเมินของนักศึกษาและหัวหน้างาน อาจารย์ที่ปรึกษาจะปรับปรุงรูปแบบการให้คำปรึกษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและสถานการณ์
2 พัฒนาช่องทางการสื่อสาร: ปรับปรุงช่องทางการสื่อสารให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงคำแนะนำและความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
3 ปรับปรุงการประสานงาน: นำข้อเสนอแนะจากสถานประกอบการมาปรับปรุงวิธีการประสานงาน เช่น การกำหนดตารางการเยี่ยมเยียน หรือการสื่อสารข้อมูลนักศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
 
1 การทวนสอบจากภายนอก: เชิญผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์มาร่วมเป็นกรรมการสอบสัมมนา เพื่อประเมินผลการเรียนรู้ของนักศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
2 การทวนสอบโดยคณะกรรมการภายใน: จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อสุ่มตรวจสอบผลการให้คะแนนของอาจารย์ที่ปรึกษา และรายงานของนักศึกษา เพื่อให้มั่นใจว่าการประเมินเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
3 การใช้เกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน (Rubrics): อาจารย์ที่ปรึกษาและหัวหน้างานใช้เกณฑ์การประเมินที่ร่วมกันกำหนดไว้ เพื่อให้การประเมินมีความยุติธรรมและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
 
 
1 วิเคราะห์ผลการประเมิน: ผู้สอนและคณะกรรมการรายวิชาจะนำผลการประเมินทั้งหมดมาวิเคราะห์เพื่อระบุจุดแข็งและจุดที่ควรปรับปรุง
2 จัดทำรายงานการปรับปรุง: จัดทำรายงานสรุปผลการประเมินพร้อมแนวทางการปรับปรุงรายวิชา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครั้งต่อไป
3 วางแผนการปรับปรุง: กำหนดแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อปรับปรุงรายวิชาให้สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน