แก่นวิศวกรรมซอฟต์แวร์
Software Engineering Essentials
ศึกษาเกี่ยวกับการบูรณาการศาสตร์เพื่อเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและสังคมโลก มีจริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม การต่อต้านทุจริตและคอรัปชัน ทักษะการคิดเชิงระบบ รู้เท่าทันเทคโนโลยี การใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นบัณฑิตนักปฏิบัติที่พึงประสงค์ สามารถเรียนรู้และวางแผนชีวิตที่เหมาะสมในสังคมแห่งการเรียนรู้
Study integration science to gain a better understanding of changes in Thai and global society, ethics, social responsibility, anti-corruption, and system thinking abilities. Acquire digital literacy skills and learn how to live an environmentally friendly life. Learn and plan a suitable life in 21st Century society
Study integration science to gain a better understanding of changes in Thai and global society, ethics, social responsibility, anti-corruption, and system thinking abilities. Acquire digital literacy skills and learn how to live an environmentally friendly life. Learn and plan a suitable life in 21st Century society
1 มีความรู้ ความสามารถและทักษะ ในการนำหลักการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ไปออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากลเพื่อใช้ประกอบวิชาชีพทางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์
2 มีความสามารถในการออกแบบ และประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์โดยคำนึงถึงสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมมีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยรวมทั้งสามารถควบคุมและตรวจสอบการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างเป็นระบบ
3 มีประสบการณ์จากการทำงานร่วมกันเป็นทีมในการพัฒนาซอฟต์แวร์และการใช้ชีวิต โดยการพัฒนาการจากความต้องการของสถานประกอบการ
4 มีทักษะในการนำหลักการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5 มีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาการเรียนรู้ทั้งของตนเองและวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง มีความใฝ่รู้ หมั่น แสวงหาความรู้ด้วยตนเองและมีความคิดสร้างสรรค์
6 มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อวิชาชีพและสังคม
2 มีความสามารถในการออกแบบ และประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์โดยคำนึงถึงสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมมีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยรวมทั้งสามารถควบคุมและตรวจสอบการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างเป็นระบบ
3 มีประสบการณ์จากการทำงานร่วมกันเป็นทีมในการพัฒนาซอฟต์แวร์และการใช้ชีวิต โดยการพัฒนาการจากความต้องการของสถานประกอบการ
4 มีทักษะในการนำหลักการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5 มีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาการเรียนรู้ทั้งของตนเองและวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง มีความใฝ่รู้ หมั่น แสวงหาความรู้ด้วยตนเองและมีความคิดสร้างสรรค์
6 มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อวิชาชีพและสังคม
ศึกษาเกี่ยวกับการบูรณาการศาสตร์เพื่อเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและสังคมโลก มีจริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม การต่อต้านทุจริตและคอรัปชัน ทักษะการคิดเชิงระบบ รู้เท่าทันเทคโนโลยี การใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นบัณฑิตนักปฏิบัติที่พึงประสงค์ สามารถเรียนรู้และวางแผนชีวิตที่เหมาะสมในสังคมแห่งการเรียนรู้
Study about Overview of Software Engineering Study of Software development process, System analysis and design Software testing, Software quality and process improvement, System Software and Information Technology,processing, Algorithms and programming, Computer networks and the Internet of Things, Database system, Artificial intelligence and robotic, Embedded system, Software in Industry, Software application.
Study about Overview of Software Engineering Study of Software development process, System analysis and design Software testing, Software quality and process improvement, System Software and Information Technology,processing, Algorithms and programming, Computer networks and the Internet of Things, Database system, Artificial intelligence and robotic, Embedded system, Software in Industry, Software application.
1. ให้คำปรึกษาผ่านระบบโซเชียลเนตเวิร์ค เช่น ไลน์ หรือเฟสบุค ทั้งการคุยโต้ตอบทันทีและการฝากข้อความทิ้งไว้ใน E-mail และมีการตอบภายหลัง โดยนักศึกษาสามารถขอคำปรึกษาผ่านทางระบบนี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง (นอกเวลาราชการฝากข้อความ) หรือใช้ช่องทางโทรศัพท์ปรึกษาระยะสั้น ใน 8 ชั่วโมงของทุกวันและเวลาราชการ
2. อาจารย์จัดเวลาให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มตามความต้องการ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (เฉพาะรายที่ต้องการ)
2. อาจารย์จัดเวลาให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มตามความต้องการ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (เฉพาะรายที่ต้องการ)
1 ความซื่อสัตย์สุจริต: ไม่ลอกเลียนแบบผลงานของผู้อื่น ไม่ว่าจะในรายงาน โครงการ หรือการสอบ ต้องให้เกียรติและอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างถูกต้อง
2 ความรับผิดชอบและความมีวินัยในตนเอง: ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จตามกำหนดเวลา มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของงานที่ทำ
3 การเคารพสิทธิส่วนบุคคล: ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่เป็นความลับ ไม่นำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายหรือผิดจริยธรรม
4 จริยธรรมในการใช้ข้อมูล: เข้าใจถึงผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการทำเหมืองข้อมูล เช่น อคติ (Bias) ที่อาจแฝงอยู่ในข้อมูล และผลกระทบต่อการตัดสินใจ
5 การทำงานร่วมกับผู้อื่น: มีความสามารถในการทำงานเป็นทีม รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และรู้จักแบ่งปันความรู้เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุด
2 ความรับผิดชอบและความมีวินัยในตนเอง: ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จตามกำหนดเวลา มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของงานที่ทำ
3 การเคารพสิทธิส่วนบุคคล: ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่เป็นความลับ ไม่นำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายหรือผิดจริยธรรม
4 จริยธรรมในการใช้ข้อมูล: เข้าใจถึงผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการทำเหมืองข้อมูล เช่น อคติ (Bias) ที่อาจแฝงอยู่ในข้อมูล และผลกระทบต่อการตัดสินใจ
5 การทำงานร่วมกับผู้อื่น: มีความสามารถในการทำงานเป็นทีม รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และรู้จักแบ่งปันความรู้เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุด
1 การบรรยายสอดแทรก: อาจารย์จะสอดแทรกเรื่องจริยธรรมในการใช้ข้อมูลและผลกระทบทางสังคมของเทคโนโลยีคลังข้อมูลและเหมืองข้อมูลในระหว่างการบรรยาย
2 กรณีศึกษา: ใช้กรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านจริยธรรม เช่น การใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างไม่เหมาะสม หรืออคติในโมเดล AI เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาได้คิดและอภิปราย
3 กำหนดเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ: มอบหมายให้นักศึกษาทำโครงการที่ต้องพิจารณาประเด็นด้านจริยธรรม เช่น การนำเสนอแนวทางในการใช้ข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม หรือการวิเคราะห์อคติในชุดข้อมูล
4 การทำงานกลุ่ม: ส่งเสริมให้นักศึกษาได้ทำงานร่วมกันในโครงการกลุ่ม เพื่อเรียนรู้การแบ่งปันความรับผิดชอบ การรับฟังความคิดเห็น และการยอมรับในความแตกต่าง
2 กรณีศึกษา: ใช้กรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านจริยธรรม เช่น การใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างไม่เหมาะสม หรืออคติในโมเดล AI เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาได้คิดและอภิปราย
3 กำหนดเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ: มอบหมายให้นักศึกษาทำโครงการที่ต้องพิจารณาประเด็นด้านจริยธรรม เช่น การนำเสนอแนวทางในการใช้ข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม หรือการวิเคราะห์อคติในชุดข้อมูล
4 การทำงานกลุ่ม: ส่งเสริมให้นักศึกษาได้ทำงานร่วมกันในโครงการกลุ่ม เพื่อเรียนรู้การแบ่งปันความรับผิดชอบ การรับฟังความคิดเห็น และการยอมรับในความแตกต่าง
1 การสังเกตพฤติกรรมในชั้นเรียน: สังเกตการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน การอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น
2 การพิจารณาจากผลงาน: ตรวจสอบความถูกต้องของการอ้างอิงแหล่งที่มาในรายงานและโครงการ เพื่อประเมินความซื่อสัตย์
3 การนำเสนอโครงการ: ประเมินทัศนคติและแนวคิดที่แสดงออกในการนำเสนอโครงการกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรม
4 การให้คะแนนจากเพื่อนร่วมทีม (Peer Assessment): ให้นักศึกษาประเมินผลการทำงานของเพื่อนในกลุ่ม เพื่อประเมินความรับผิดชอบและความร่วมมือในการทำงานเป็นทีม
2 การพิจารณาจากผลงาน: ตรวจสอบความถูกต้องของการอ้างอิงแหล่งที่มาในรายงานและโครงการ เพื่อประเมินความซื่อสัตย์
3 การนำเสนอโครงการ: ประเมินทัศนคติและแนวคิดที่แสดงออกในการนำเสนอโครงการกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรม
4 การให้คะแนนจากเพื่อนร่วมทีม (Peer Assessment): ให้นักศึกษาประเมินผลการทำงานของเพื่อนในกลุ่ม เพื่อประเมินความรับผิดชอบและความร่วมมือในการทำงานเป็นทีม
1 หลักการและกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์: เข้าใจวงจรชีวิตการพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDLC) รวมถึงกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่การวิเคราะห์ความต้องการ, การออกแบบ, การเขียนโค้ด, การทดสอบ ไปจนถึงการบำรุงรักษา
2 แนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์: รู้จักและเข้าใจความแตกต่างระหว่างแนวทางแบบดั้งเดิม (Traditional) เช่น Waterfall Model และแนวทางแบบสมัยใหม่ (Agile) เช่น Scrum หรือ Kanban
3 การบริหารจัดการโครงการซอฟต์แวร์: เข้าใจหลักการวางแผนโครงการ, การบริหารความเสี่ยง, การประมาณการต้นทุนและเวลา รวมถึงการจัดการทีมพัฒนา
4 คุณภาพของซอฟต์แวร์: เข้าใจความสำคัญของคุณภาพซอฟต์แวร์ และวิธีการตรวจสอบคุณภาพผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การทดสอบซอฟต์แวร์ (Software Testing)
2 แนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์: รู้จักและเข้าใจความแตกต่างระหว่างแนวทางแบบดั้งเดิม (Traditional) เช่น Waterfall Model และแนวทางแบบสมัยใหม่ (Agile) เช่น Scrum หรือ Kanban
3 การบริหารจัดการโครงการซอฟต์แวร์: เข้าใจหลักการวางแผนโครงการ, การบริหารความเสี่ยง, การประมาณการต้นทุนและเวลา รวมถึงการจัดการทีมพัฒนา
4 คุณภาพของซอฟต์แวร์: เข้าใจความสำคัญของคุณภาพซอฟต์แวร์ และวิธีการตรวจสอบคุณภาพผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การทดสอบซอฟต์แวร์ (Software Testing)
1 การบรรยายและกรณีศึกษา (Case Study): ผู้สอนจะบรรยายหลักการและทฤษฎีต่างๆ พร้อมยกตัวอย่างกรณีศึกษาจากอุตสาหกรรมจริง เพื่อให้นักศึกษาเห็นภาพการนำไปประยุกต์ใช้
2 การสอนเชิงปฏิบัติการ (Workshop): จัดกิจกรรมให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติการวางแผนโครงการ, การเขียนเอกสารข้อกำหนด, และการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
3 การทำโครงงานกลุ่ม (Group Project): มอบหมายให้ทำโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์จริงตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้มาประยุกต์ใช้และแก้ปัญหาร่วมกันในทีม
4 การอภิปรายและวิพากษ์: เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำเสนอแนวคิดและแลกเปลี่ยนความรู้ในชั้นเรียน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่หลากหลาย
2 การสอนเชิงปฏิบัติการ (Workshop): จัดกิจกรรมให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติการวางแผนโครงการ, การเขียนเอกสารข้อกำหนด, และการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
3 การทำโครงงานกลุ่ม (Group Project): มอบหมายให้ทำโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์จริงตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้มาประยุกต์ใช้และแก้ปัญหาร่วมกันในทีม
4 การอภิปรายและวิพากษ์: เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำเสนอแนวคิดและแลกเปลี่ยนความรู้ในชั้นเรียน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่หลากหลาย
1 การสอบ: วัดความเข้าใจในหลักการและทฤษฎีของวิศวกรรมซอฟต์แวร์ผ่านการสอบข้อเขียน
2 การประเมินจากโครงงาน (Project Assessment): ประเมินคุณภาพของผลงานที่นักศึกษาส่ง เช่น เอกสารข้อกำหนด, แผนการพัฒนา, และตัวซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้น
3 การประเมินจากรายงานและเอกสาร: ให้คะแนนจากรายงานที่นักศึกษาจัดทำในแต่ละขั้นตอนของโครงการ ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในกระบวนการ
4 การนำเสนอและวิจารณ์ผลงาน: ประเมินความสามารถในการสื่อสารและอธิบายแนวคิดทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ
2 การประเมินจากโครงงาน (Project Assessment): ประเมินคุณภาพของผลงานที่นักศึกษาส่ง เช่น เอกสารข้อกำหนด, แผนการพัฒนา, และตัวซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้น
3 การประเมินจากรายงานและเอกสาร: ให้คะแนนจากรายงานที่นักศึกษาจัดทำในแต่ละขั้นตอนของโครงการ ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในกระบวนการ
4 การนำเสนอและวิจารณ์ผลงาน: ประเมินความสามารถในการสื่อสารและอธิบายแนวคิดทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ
1 ทักษะการคิดวิเคราะห์: สามารถแยกแยะปัญหาที่ซับซ้อนออกเป็นส่วนย่อยๆ เพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างของปัญหาในบริบทของข้อมูลได้
2 ทักษะการคิดเชิงสังเคราะห์: สามารถรวบรวมและเชื่อมโยงแนวคิดหรือข้อมูลที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่สมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพ
3 ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม: สามารถคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการใช้ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาหรือค้นพบข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เคยมีมาก่อน
4 ทักษะการแก้ปัญหา: สามารถระบุปัญหา เลือกใช้เครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสม วางแผน และดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ
5 ทักษะการคิดเชิงระบบ: เข้าใจความสัมพันธ์และผลกระทบระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ในระบบคลังข้อมูลและเหมืองข้อมูล เพื่อให้สามารถออกแบบและจัดการระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2 ทักษะการคิดเชิงสังเคราะห์: สามารถรวบรวมและเชื่อมโยงแนวคิดหรือข้อมูลที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่สมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพ
3 ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม: สามารถคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการใช้ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาหรือค้นพบข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เคยมีมาก่อน
4 ทักษะการแก้ปัญหา: สามารถระบุปัญหา เลือกใช้เครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสม วางแผน และดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ
5 ทักษะการคิดเชิงระบบ: เข้าใจความสัมพันธ์และผลกระทบระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ในระบบคลังข้อมูลและเหมืองข้อมูล เพื่อให้สามารถออกแบบและจัดการระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1 การวิเคราะห์กรณีศึกษา (Case Study Analysis): มอบหมายให้นักศึกษาวิเคราะห์กรณีศึกษาที่ซับซ้อนในโลกธุรกิจ โดยให้นักศึกษาเสนอแนวทางในการใช้คลังข้อมูลและเหมืองข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา
2 โครงการกลุ่ม (Group Project): กำหนดให้มีโครงการที่ท้าทาย ซึ่งนักศึกษาต้องออกแบบและสร้างระบบคลังข้อมูล หรือทำการวิเคราะห์ข้อมูลตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้ได้ฝึกฝนการคิดเชิงสังเคราะห์และการแก้ปัญหาร่วมกัน
3 การอภิปรายในชั้นเรียน: กระตุ้นให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการอภิปรายเกี่ยวกับแนวคิดที่หลากหลายและวิธีการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน เพื่อฝึกฝนการคิดวิเคราะห์และเปิดรับมุมมองใหม่ๆ
4 การมอบหมายงานปลายเปิด (Open-Ended Assignments): ให้โจทย์ที่ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพื่อให้นักศึกษาได้คิดค้นวิธีการใหม่ๆ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอผลลัพธ์
2 โครงการกลุ่ม (Group Project): กำหนดให้มีโครงการที่ท้าทาย ซึ่งนักศึกษาต้องออกแบบและสร้างระบบคลังข้อมูล หรือทำการวิเคราะห์ข้อมูลตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้ได้ฝึกฝนการคิดเชิงสังเคราะห์และการแก้ปัญหาร่วมกัน
3 การอภิปรายในชั้นเรียน: กระตุ้นให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการอภิปรายเกี่ยวกับแนวคิดที่หลากหลายและวิธีการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน เพื่อฝึกฝนการคิดวิเคราะห์และเปิดรับมุมมองใหม่ๆ
4 การมอบหมายงานปลายเปิด (Open-Ended Assignments): ให้โจทย์ที่ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพื่อให้นักศึกษาได้คิดค้นวิธีการใหม่ๆ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอผลลัพธ์
1 การประเมินจากโครงการ (Project-Based Assessment): ประเมินจากคุณภาพของรายงานโครงการและผลลัพธ์ที่ได้ โดยพิจารณาจากความลึกของการวิเคราะห์ การใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และความสมเหตุสมผลของแนวทางแก้ไขปัญหา
2 การสอบที่เน้นการแก้ปัญหา (Problem-Solving Exams): แทนที่จะเน้นการท่องจำ ควรออกแบบข้อสอบที่มีสถานการณ์จำลอง (Scenario-Based Questions) เพื่อทดสอบความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะเพื่อแก้ไขปัญหาจริง
3 การนำเสนอผลงาน (Presentation): ประเมินจากการนำเสนอแนวคิด การวิเคราะห์ และผลลัพธ์ของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบคำถามและการให้เหตุผลในการตัดสินใจต่างๆ
4 การประเมินการมีส่วนร่วม (Participation Assessment): ประเมินจากคุณภาพของการมีส่วนร่วมในการอภิปรายในชั้นเรียน รวมถึงความสามารถในการแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์
2 การสอบที่เน้นการแก้ปัญหา (Problem-Solving Exams): แทนที่จะเน้นการท่องจำ ควรออกแบบข้อสอบที่มีสถานการณ์จำลอง (Scenario-Based Questions) เพื่อทดสอบความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะเพื่อแก้ไขปัญหาจริง
3 การนำเสนอผลงาน (Presentation): ประเมินจากการนำเสนอแนวคิด การวิเคราะห์ และผลลัพธ์ของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบคำถามและการให้เหตุผลในการตัดสินใจต่างๆ
4 การประเมินการมีส่วนร่วม (Participation Assessment): ประเมินจากคุณภาพของการมีส่วนร่วมในการอภิปรายในชั้นเรียน รวมถึงความสามารถในการแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์
1 ทักษะการทำงานเป็นทีม: สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการอภิปรายกลุ่ม และสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างสร้างสรรค์
2 ความรับผิดชอบต่อหน้าที่: มีวินัยในตนเอง สามารถบริหารจัดการเวลาและทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จตามเป้าหมายและกำหนดเวลาที่กำหนดไว้
3 การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ: สามารถนำเสนอแนวคิด ผลการวิเคราะห์ และข้อสรุปต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบการพูดและการเขียน
4 ความเข้าใจในบทบาทของตนเอง: ตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองในการทำงานกลุ่ม รวมถึงการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเพื่อนร่วมทีม
5 การปรับตัวและเปิดใจยอมรับความแตกต่าง: สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีพื้นฐานความรู้ ทัศนคติ หรือความถนัดที่แตกต่างกันได้
2 ความรับผิดชอบต่อหน้าที่: มีวินัยในตนเอง สามารถบริหารจัดการเวลาและทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จตามเป้าหมายและกำหนดเวลาที่กำหนดไว้
3 การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ: สามารถนำเสนอแนวคิด ผลการวิเคราะห์ และข้อสรุปต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบการพูดและการเขียน
4 ความเข้าใจในบทบาทของตนเอง: ตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองในการทำงานกลุ่ม รวมถึงการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเพื่อนร่วมทีม
5 การปรับตัวและเปิดใจยอมรับความแตกต่าง: สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีพื้นฐานความรู้ ทัศนคติ หรือความถนัดที่แตกต่างกันได้
1 โครงการกลุ่ม (Group Project): กำหนดให้มีโครงการที่ซับซ้อนและต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกฝนการทำงานเป็นทีม การแบ่งงาน และการสื่อสาร
2 การอภิปรายกลุ่ม: จัดกิจกรรมอภิปรายในชั้นเรียนเป็นกลุ่มย่อย เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกการแสดงความคิดเห็น การรับฟังผู้อื่น และการหาข้อสรุปร่วมกัน
3 การนำเสนอผลงานกลุ่ม: ให้นักศึกษาทำงานร่วมกันเพื่อเตรียมการนำเสนอผลงาน โดยทุกคนต้องมีส่วนร่วมและแสดงบทบาทที่ชัดเจน เพื่อฝึกฝนทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน
4 การมอบหมายงานที่มีกำหนดเวลาชัดเจน: กำหนดส่งงานแต่ละชิ้นด้วยกำหนดเวลาที่แน่นอน เพื่อฝึกความรับผิดชอบและการบริหารจัดการเวลาของตนเอง
2 การอภิปรายกลุ่ม: จัดกิจกรรมอภิปรายในชั้นเรียนเป็นกลุ่มย่อย เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกการแสดงความคิดเห็น การรับฟังผู้อื่น และการหาข้อสรุปร่วมกัน
3 การนำเสนอผลงานกลุ่ม: ให้นักศึกษาทำงานร่วมกันเพื่อเตรียมการนำเสนอผลงาน โดยทุกคนต้องมีส่วนร่วมและแสดงบทบาทที่ชัดเจน เพื่อฝึกฝนทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน
4 การมอบหมายงานที่มีกำหนดเวลาชัดเจน: กำหนดส่งงานแต่ละชิ้นด้วยกำหนดเวลาที่แน่นอน เพื่อฝึกความรับผิดชอบและการบริหารจัดการเวลาของตนเอง
1 การประเมินจากผลงานกลุ่ม: พิจารณาคุณภาพของผลงานที่ทำร่วมกันเป็นทีม เช่น รายงานและผลลัพธ์ของโครงการ เพื่อสะท้อนถึงการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
2 การประเมินโดยเพื่อนร่วมทีม (Peer Assessment): ให้นักศึกษาประเมินผลการทำงานของเพื่อนร่วมทีม เพื่อให้เกิดการประเมินที่มาจากมุมมองที่หลากหลายและสะท้อนถึงความรับผิดชอบของแต่ละคนในกลุ่ม
3 การประเมินการนำเสนอ: พิจารณาจากความชัดเจนในการนำเสนอ ความสามารถในการตอบคำถาม และการทำงานร่วมกันของสมาชิกในกลุ่มขณะนำเสนอ
4 การสังเกตพฤติกรรม: สังเกตพฤติกรรมระหว่างการทำกิจกรรมกลุ่ม การอภิปราย และการทำงานในห้องเรียน เพื่อประเมินการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบของนักศึกษาแต่ละคน
2 การประเมินโดยเพื่อนร่วมทีม (Peer Assessment): ให้นักศึกษาประเมินผลการทำงานของเพื่อนร่วมทีม เพื่อให้เกิดการประเมินที่มาจากมุมมองที่หลากหลายและสะท้อนถึงความรับผิดชอบของแต่ละคนในกลุ่ม
3 การประเมินการนำเสนอ: พิจารณาจากความชัดเจนในการนำเสนอ ความสามารถในการตอบคำถาม และการทำงานร่วมกันของสมาชิกในกลุ่มขณะนำเสนอ
4 การสังเกตพฤติกรรม: สังเกตพฤติกรรมระหว่างการทำกิจกรรมกลุ่ม การอภิปราย และการทำงานในห้องเรียน เพื่อประเมินการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบของนักศึกษาแต่ละคน
1 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข: สามารถนำข้อมูลเชิงปริมาณ (เช่น เมตริกของซอฟต์แวร์, การประมาณการต้นทุนและเวลา) มา วิเคราะห์และประเมินผล เพื่อประกอบการตัดสินใจในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์
2 ทักษะการสื่อสาร: สามารถ สื่อสารแนวคิดและข้อกำหนดของซอฟต์แวร์ ทั้งในรูปแบบเอกสาร (เช่น การเขียน Technical Document) และการนำเสนอด้วยวาจาต่อเพื่อนร่วมทีมหรือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3 ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ: สามารถใช้ เครื่องมือและแพลตฟอร์ม ที่หลากหลายในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น ระบบควบคุมเวอร์ชัน (Version Control Systems), เครื่องมือจัดการโครงการ (Project Management Tools) และสภาพแวดล้อมการพัฒนาแบบบูรณาการ (IDE)
2 ทักษะการสื่อสาร: สามารถ สื่อสารแนวคิดและข้อกำหนดของซอฟต์แวร์ ทั้งในรูปแบบเอกสาร (เช่น การเขียน Technical Document) และการนำเสนอด้วยวาจาต่อเพื่อนร่วมทีมหรือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3 ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ: สามารถใช้ เครื่องมือและแพลตฟอร์ม ที่หลากหลายในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น ระบบควบคุมเวอร์ชัน (Version Control Systems), เครื่องมือจัดการโครงการ (Project Management Tools) และสภาพแวดล้อมการพัฒนาแบบบูรณาการ (IDE)
1 การมอบหมายโครงงาน (Project-Based Learning): มอบหมายให้ทำโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์จริงตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกฝนการวิเคราะห์ความต้องการ, การออกแบบ, การเขียนโค้ด และการทดสอบ
2 การนำเสนอและวิพากษ์ผลงาน: จัดให้นักศึกษาได้ นำเสนอความคืบหน้าของโครงการ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมชั้น เพื่อฝึกฝนการสื่อสารและการรับฟังข้อเสนอแนะ
3 การใช้เครื่องมือร่วมกัน: ส่งเสริมการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในอุตสาหกรรมจริง เช่น Git สำหรับการจัดการโค้ด และ Trello หรือ Jira สำหรับการวางแผนโครงการ
2 การนำเสนอและวิพากษ์ผลงาน: จัดให้นักศึกษาได้ นำเสนอความคืบหน้าของโครงการ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมชั้น เพื่อฝึกฝนการสื่อสารและการรับฟังข้อเสนอแนะ
3 การใช้เครื่องมือร่วมกัน: ส่งเสริมการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในอุตสาหกรรมจริง เช่น Git สำหรับการจัดการโค้ด และ Trello หรือ Jira สำหรับการวางแผนโครงการ
1 การประเมินจากโครงงาน (Project Assessment): พิจารณาความสามารถในการใช้ข้อมูลเชิงตัวเลขเพื่อวางแผนและประเมินโครงการ และคุณภาพของเอกสารประกอบที่แสดงถึงกระบวนการคิด
2 การประเมินการนำเสนอ (Presentation Assessment): ให้คะแนนจากการ นำเสนอผลงาน ทั้งในด้านเนื้อหา, ความน่าสนใจ และความชัดเจนในการสื่อสารแนวคิด
3 การประเมินการใช้เครื่องมือ: ตรวจสอบความสามารถในการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศที่กำหนดในโครงการ เช่น การใช้ Git เพื่อจัดการโค้ดในทีม
4 การประเมินจากเอกสารประกอบ: ตรวจสอบความครบถ้วนและคุณภาพของเอกสารทางเทคนิค (Technical Document) ที่นักศึกษาจัดทำขึ้นในโครงการ
2 การประเมินการนำเสนอ (Presentation Assessment): ให้คะแนนจากการ นำเสนอผลงาน ทั้งในด้านเนื้อหา, ความน่าสนใจ และความชัดเจนในการสื่อสารแนวคิด
3 การประเมินการใช้เครื่องมือ: ตรวจสอบความสามารถในการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศที่กำหนดในโครงการ เช่น การใช้ Git เพื่อจัดการโค้ดในทีม
4 การประเมินจากเอกสารประกอบ: ตรวจสอบความครบถ้วนและคุณภาพของเอกสารทางเทคนิค (Technical Document) ที่นักศึกษาจัดทำขึ้นในโครงการ
1 ทักษะการใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์: สามารถใช้โปรแกรมหรือภาษาโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างเชี่ยวชาญ เช่น การใช้เครื่องมือ ETL ในการดึงข้อมูล การใช้เครื่องมือ BI ในการสร้างแดชบอร์ด และการใช้ภาษาโปรแกรม (Python, R) เพื่อสร้างโมเดลเหมืองข้อมูล
2 ทักษะการออกแบบและพัฒนา: สามารถออกแบบโครงสร้างคลังข้อมูล (Dimensional Modeling) และพัฒนากระบวนการ ETL ได้อย่างเป็นระบบ
3 ทักษะการปฏิบัติงานในโครงการ: สามารถนำความรู้และทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในการทำโครงการจริงได้ ตั้งแต่การตั้งโจทย์ การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการนำเสนอผลลัพธ์
4 ทักษะการทำงานในสภาพแวดล้อมจริง: สามารถจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงานกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น ข้อมูลที่ไม่มีคุณภาพ หรือปัญหาด้านประสิทธิภาพของระบบ
2 ทักษะการออกแบบและพัฒนา: สามารถออกแบบโครงสร้างคลังข้อมูล (Dimensional Modeling) และพัฒนากระบวนการ ETL ได้อย่างเป็นระบบ
3 ทักษะการปฏิบัติงานในโครงการ: สามารถนำความรู้และทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในการทำโครงการจริงได้ ตั้งแต่การตั้งโจทย์ การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการนำเสนอผลลัพธ์
4 ทักษะการทำงานในสภาพแวดล้อมจริง: สามารถจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงานกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น ข้อมูลที่ไม่มีคุณภาพ หรือปัญหาด้านประสิทธิภาพของระบบ
1 การฝึกปฏิบัติในห้องแล็บ: จัดให้นักศึกษาได้ใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์จริงเพื่อทำแบบฝึกหัดที่หลากหลาย เช่น การสร้าง Star Schema, การเขียนสคริปต์เพื่อทำความสะอาดข้อมูล หรือการสร้างโมเดลจำแนกประเภท (Classification Model)
2 โครงการกลุ่ม (Project-Based Learning): กำหนดให้มีโครงการที่นักศึกษาต้องทำตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งอาจเป็นการสร้างคลังข้อมูลขนาดเล็ก หรือการแก้ปัญหาธุรกิจโดยใช้เทคนิคเหมืองข้อมูล เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกฝนทักษะการปฏิบัติงานในทุกขั้นตอน
3 การจำลองสถานการณ์ (Simulation): จัดกิจกรรมที่จำลองสถานการณ์จริงที่อาจเกิดขึ้นในโลกการทำงาน เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ที่ซับซ้อน
4 การนำเสนอผลงาน: ให้นักศึกษาได้นำเสนอผลงานที่ได้จากการปฏิบัติ เพื่อฝึกทักษะการสื่อสารและอธิบายขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน
2 โครงการกลุ่ม (Project-Based Learning): กำหนดให้มีโครงการที่นักศึกษาต้องทำตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งอาจเป็นการสร้างคลังข้อมูลขนาดเล็ก หรือการแก้ปัญหาธุรกิจโดยใช้เทคนิคเหมืองข้อมูล เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกฝนทักษะการปฏิบัติงานในทุกขั้นตอน
3 การจำลองสถานการณ์ (Simulation): จัดกิจกรรมที่จำลองสถานการณ์จริงที่อาจเกิดขึ้นในโลกการทำงาน เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ที่ซับซ้อน
4 การนำเสนอผลงาน: ให้นักศึกษาได้นำเสนอผลงานที่ได้จากการปฏิบัติ เพื่อฝึกทักษะการสื่อสารและอธิบายขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน
1 การประเมินจากงานในห้องแล็บ: ตรวจสอบผลงานที่ได้จากการทำแบบฝึกหัดในห้องแล็บ เพื่อประเมินความสามารถในการใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์
2 การประเมินจากผลงานโครงการ: พิจารณาจากคุณภาพของผลงานโครงการ ไม่ว่าจะเป็นฐานข้อมูลที่สร้างขึ้น, โค้ดที่เขียน, หรือรายงานผลการวิเคราะห์ เพื่อประเมินความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้
3 การสอบปฏิบัติ (Practical Exam): อาจมีการสอบที่ให้นักศึกษาแก้โจทย์ปัญหาเชิงปฏิบัติโดยใช้คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง
4 การประเมินการนำเสนอผลงาน: ให้คะแนนจากการนำเสนอโครงการ โดยพิจารณาจากความชัดเจนในการอธิบายขั้นตอนการทำงานและทักษะการใช้เครื่องมือประกอบการนำเสนอ
2 การประเมินจากผลงานโครงการ: พิจารณาจากคุณภาพของผลงานโครงการ ไม่ว่าจะเป็นฐานข้อมูลที่สร้างขึ้น, โค้ดที่เขียน, หรือรายงานผลการวิเคราะห์ เพื่อประเมินความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้
3 การสอบปฏิบัติ (Practical Exam): อาจมีการสอบที่ให้นักศึกษาแก้โจทย์ปัญหาเชิงปฏิบัติโดยใช้คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง
4 การประเมินการนำเสนอผลงาน: ให้คะแนนจากการนำเสนอโครงการ โดยพิจารณาจากความชัดเจนในการอธิบายขั้นตอนการทำงานและทักษะการใช้เครื่องมือประกอบการนำเสนอ
กิจกรรมที่ | ผลการเรียนรู้ * | วิธีการประเมินผลนักศึกษา | สัปดาห์ที่ประเมิน | สัดส่วนของการประเมินผล |
---|---|---|---|---|
1 | ทดสอบย่อย 1 ทดสอบย่อย 2 สอบกลางภาคเรียน สอบปลายภาคเรียน | แบบทดสอบ Google Form, ข้อสอบทฤษฎี | 4 8 9 17 | 10% 10% 25% 25% |
2 | การทำงานกลุ่มและผลงาน | วิเคราะห์กรณีศึกษาค้นคว้า การนำเสนอ รายงาน | ตลอดภาคการศึกษา | 20% |
3 | เข้าชั้นเรียน | การเข้าชั้นเรียน การมีส่วนร่วม อภิปราย เสนอความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์ | ตลอดภาคการศึกษา | 10% |
1 "Software Engineering: A Practitioner's Approach" โดย Roger S. Pressman และ Bruce Maxim: หนังสือเล่มนี้ถือเป็นตำราคลาสสิกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเล่มหนึ่ง อธิบายกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์, โมเดลต่าง ๆ, การจัดการโครงการ และการประกันคุณภาพซอฟต์แวร์อย่างครอบคลุม
2 "Software Engineering" โดย Ian Sommerville: อีกหนึ่งตำราที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูง เน้นการอธิบายหลักการพื้นฐาน, วิธีการ และการปฏิบัติในเชิงวิชาการ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเข้าใจเชิงลึก
3 "วิศวกรรมซอฟต์แวร์" โดย ดร. บุญเสริม กิจศิริกุล หรือตำราจากสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ที่เผยแพร่ในรูปแบบเอกสารคำสอนออนไลน์: มักจะสรุปเนื้อหาสำคัญตามหลักสูตรวิชาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
4 "การวิเคราะห์และออกแบบระบบ": แม้จะไม่ใช่ตำราวิศวกรรมซอฟต์แวร์โดยตรง แต่หนังสือประเภทนี้จะช่วยเสริมความรู้ด้านการวิเคราะห์ความต้องการและการออกแบบระบบ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์
2 "Software Engineering" โดย Ian Sommerville: อีกหนึ่งตำราที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูง เน้นการอธิบายหลักการพื้นฐาน, วิธีการ และการปฏิบัติในเชิงวิชาการ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเข้าใจเชิงลึก
3 "วิศวกรรมซอฟต์แวร์" โดย ดร. บุญเสริม กิจศิริกุล หรือตำราจากสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ที่เผยแพร่ในรูปแบบเอกสารคำสอนออนไลน์: มักจะสรุปเนื้อหาสำคัญตามหลักสูตรวิชาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
4 "การวิเคราะห์และออกแบบระบบ": แม้จะไม่ใช่ตำราวิศวกรรมซอฟต์แวร์โดยตรง แต่หนังสือประเภทนี้จะช่วยเสริมความรู้ด้านการวิเคราะห์ความต้องการและการออกแบบระบบ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์
1 เอกสารประกอบการสอนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ: หลายมหาวิทยาลัยทั่วโลกเผยแพร่เอกสารประกอบการสอน (เช่น สไลด์การบรรยาย, Lab Manual) สำหรับวิชา Software Engineering ซึ่งสามารถหาได้จากเว็บไซต์ของคณะหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบเปิด (MOOCs)
2 บล็อกและบทความวิชาการ: การติดตามบทความจากเว็บไซต์ขององค์กรและผู้เชี่ยวชาญในวงการ เช่น Martin Fowler หรือเว็บไซต์อย่าง IEEE Software จะช่วยให้เข้าใจแนวโน้มและเทคนิคใหม่ ๆ ในวงการซอฟต์แวร์
3 คู่มือและเอกสารอ้างอิงสำหรับเทคโนโลยีต่าง ๆ: เนื่องจากวิชานี้ครอบคลุมหัวข้อหลากหลาย เช่น เครือข่าย, ฐานข้อมูล และ IoT การศึกษาคู่มือทางการ (Official Documentation) ของเทคโนโลยีเหล่านั้นจะช่วยให้เข้าใจหลักการทำงานเชิงลึกได้ดีขึ้น
2 บล็อกและบทความวิชาการ: การติดตามบทความจากเว็บไซต์ขององค์กรและผู้เชี่ยวชาญในวงการ เช่น Martin Fowler หรือเว็บไซต์อย่าง IEEE Software จะช่วยให้เข้าใจแนวโน้มและเทคนิคใหม่ ๆ ในวงการซอฟต์แวร์
3 คู่มือและเอกสารอ้างอิงสำหรับเทคโนโลยีต่าง ๆ: เนื่องจากวิชานี้ครอบคลุมหัวข้อหลากหลาย เช่น เครือข่าย, ฐานข้อมูล และ IoT การศึกษาคู่มือทางการ (Official Documentation) ของเทคโนโลยีเหล่านั้นจะช่วยให้เข้าใจหลักการทำงานเชิงลึกได้ดีขึ้น
1 แบบประเมินออนไลน์ (Online Course Evaluation): ให้นักศึกษาทำแบบสำรวจเมื่อสิ้นสุดภาคเรียนเพื่อประเมินความพึงพอใจต่อเนื้อหา, การจัดกิจกรรม, ความเหมาะสมของภาระงาน, และประโยชน์ที่ได้รับจากรายวิชา
2 การอภิปรายกลุ่มย่อย (Focus Group Discussion): จัดเวลาในช่วงกลางภาคเรียนเพื่อให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการเรียนการสอน
3 การประเมินจากผลงาน (Project-Based Assessment): ประเมินจากคุณภาพของโครงงานที่นักศึกษาพัฒนาขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการนำความรู้ทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ไปประยุกต์ใช้จริง
2 การอภิปรายกลุ่มย่อย (Focus Group Discussion): จัดเวลาในช่วงกลางภาคเรียนเพื่อให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการเรียนการสอน
3 การประเมินจากผลงาน (Project-Based Assessment): ประเมินจากคุณภาพของโครงงานที่นักศึกษาพัฒนาขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการนำความรู้ทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ไปประยุกต์ใช้จริง
1 แบบประเมินผู้สอนโดยนักศึกษา: ใช้แบบประเมินที่สอดคล้องกับหัวข้อและรูปแบบการสอนของรายวิชา เพื่อให้นักศึกษาได้ให้คะแนนและแสดงความคิดเห็นต่อการถ่ายทอดความรู้, การจัดกิจกรรม, และการให้คำปรึกษาของผู้สอน
2 การประเมินโดยเพื่อนร่วมงาน (Peer Review): เชิญอาจารย์ในสาขาวิชาเดียวกันหรือผู้เชี่ยวชาญร่วมสังเกตการณ์การสอนในบางครั้ง เพื่อให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงการสอน
3 การประเมินตนเอง (Self-Assessment): ผู้สอนทำการทบทวนและประเมินการสอนของตนเองอย่างสม่ำเสมอในแต่ละสัปดาห์ โดยพิจารณาว่าเนื้อหาและวิธีการสอนเหมาะสมกับบริบทการเรียนรู้หรือไม่
2 การประเมินโดยเพื่อนร่วมงาน (Peer Review): เชิญอาจารย์ในสาขาวิชาเดียวกันหรือผู้เชี่ยวชาญร่วมสังเกตการณ์การสอนในบางครั้ง เพื่อให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงการสอน
3 การประเมินตนเอง (Self-Assessment): ผู้สอนทำการทบทวนและประเมินการสอนของตนเองอย่างสม่ำเสมอในแต่ละสัปดาห์ โดยพิจารณาว่าเนื้อหาและวิธีการสอนเหมาะสมกับบริบทการเรียนรู้หรือไม่
1 ปรับปรุงเนื้อหาและสื่อการสอน: จากผลประเมินของนักศึกษา ผู้สอนจะนำข้อมูลมาปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
2 เปลี่ยนแปลงกิจกรรมในชั้นเรียน: ปรับปรุงกิจกรรมให้มีความท้าทายและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักศึกษามากขึ้น เช่น การเพิ่มกรณีศึกษา (Case Study) หรือการทำ Workshop ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง
3 พัฒนาทักษะของผู้สอน: ผู้สอนเข้าร่วมอบรมหรือสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมซอฟต์แวร์ หรือการพัฒนาเทคนิคการสอนใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในรายวิชา
2 เปลี่ยนแปลงกิจกรรมในชั้นเรียน: ปรับปรุงกิจกรรมให้มีความท้าทายและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักศึกษามากขึ้น เช่น การเพิ่มกรณีศึกษา (Case Study) หรือการทำ Workshop ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง
3 พัฒนาทักษะของผู้สอน: ผู้สอนเข้าร่วมอบรมหรือสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมซอฟต์แวร์ หรือการพัฒนาเทคนิคการสอนใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในรายวิชา
1 การตรวจสอบจากภายนอก (External Review): อาจมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เช่น ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ มาร่วมตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะต่อโครงงานหรือผลงานของนักศึกษา
2 การทวนสอบโดยคณะกรรมการภายใน: จัดตั้งคณะกรรมการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ โดยการสุ่มตรวจสอบผลงานและการให้คะแนนจากอาจารย์ผู้สอน เพื่อให้มั่นใจว่าการวัดผลมีความยุติธรรมและเป็นไปตามเกณฑ์
3 การใช้เกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน (Rubrics): ผู้สอนจัดทำ Rubrics หรือเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจนสำหรับทุกงานและโครงการ เพื่อเป็นแนวทางให้นักศึกษาทราบว่าควรพัฒนาส่วนใดให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่คาดหวัง
2 การทวนสอบโดยคณะกรรมการภายใน: จัดตั้งคณะกรรมการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ โดยการสุ่มตรวจสอบผลงานและการให้คะแนนจากอาจารย์ผู้สอน เพื่อให้มั่นใจว่าการวัดผลมีความยุติธรรมและเป็นไปตามเกณฑ์
3 การใช้เกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน (Rubrics): ผู้สอนจัดทำ Rubrics หรือเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจนสำหรับทุกงานและโครงการ เพื่อเป็นแนวทางให้นักศึกษาทราบว่าควรพัฒนาส่วนใดให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่คาดหวัง
1 วิเคราะห์ผลการประเมิน: ผู้สอนและคณะกรรมการรายวิชาจะนำข้อมูลทั้งหมดจากแบบประเมินและผลการทวนสอบมาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อระบุจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุง
2 จัดทำรายงานการปรับปรุง: จัดทำรายงานสรุปผลการประเมินและแนวทางการปรับปรุงรายวิชา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการสอนสำหรับภาคเรียนถัดไป
3 วางแผนการปรับปรุงรายวิชา: กำหนดแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนสำหรับการปรับปรุงรายวิชาให้มีความทันสมัยและตอบสนองต่อความต้องการของนักศึกษาและอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
2 จัดทำรายงานการปรับปรุง: จัดทำรายงานสรุปผลการประเมินและแนวทางการปรับปรุงรายวิชา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการสอนสำหรับภาคเรียนถัดไป
3 วางแผนการปรับปรุงรายวิชา: กำหนดแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนสำหรับการปรับปรุงรายวิชาให้มีความทันสมัยและตอบสนองต่อความต้องการของนักศึกษาและอุตสาหกรรมในปัจจุบัน