การแปลแบบล่าม

Interpretation

เพื่อให้นักศึกษามีความรู้และทักษะพื้นฐานในการล่ามแบบพูดตาม (Consecutive Interpretation) เข้าใจเทคนิคการฟังจับใจความ การจดบันทึก และการถ่ายทอดสารจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยและภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และเหมาะสม พร้อมทั้งสามารถประยุกต์ใช้ทักษะในการล่ามในสถานการณ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะบริบทที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพในอนาคต
 
เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง วิเคราะห์ จดบันทึก และถ่ายทอดสารได้อย่างมืออาชีพในห้องปฏิบัติการที่มีอุปกรณ์สนับสนุนการเรียนรู้ เพื่อปรับปรุงกิจกรรมและเกณฑ์การประเมินผลให้สอดคล้องกับมาตรฐานสมรรถนะของวิชาชีพด้านการแปลและล่าม เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสื่อมัลติมีเดียในการฝึกปฏิบัติล่ามแบบจำลองสถานการณ์จริง
ศึกษาและฝึกปฏิบัติการแปลแบบล่ามพูดตาม (Consecutive Interpretation) ระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยเน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐานสำคัญ ได้แก่ การฟังจับใจความ การวิเคราะห์สาร การจดบันทึก การสร้างคลังคำศัพท์ และการฝึกความจำระยะสั้น เพื่อถ่ายทอดสารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมทั้งในระดับประโยคและข้อความยาว นักศึกษาจะได้ฝึกปฏิบัติทั้งรายบุคคลและแบบคู่ ผ่านสื่อและสถานการณ์จำลองในรูปแบบต่างๆ เช่น การสัมภาษณ์ การประชุม การนำเสนอ และบริบทในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งเรียนรู้จรรยาบรรณ มารยาท และการปรับตัวทางวัฒนธรรมในการล่ามอย่างมืออาชีพ
อาจารย์จัดเวลาให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มตามความต้องการ 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ (เฉพาะรายที่ต้องการ)
ส่งเสริมผู้เรียนให้พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมไปพร้อมกับวิทยาการ โดยเน้นที่            1.1.1    ความมีจรรยาบรรณทางวิชาการหรือวิชาชีพล่าม            1.1.2    ความมีวินัย ขยัน อดทน ตรงต่อเวลา และความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม
สอดแทรกและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม โดย           1.2.1    ให้ความรู้เกี่ยวกับหลักจรรยาบรรณของการแปลแบบล่ามในเนื้อหาของบทเรียน           1.2.2    ให้นักศึกษาทำงานมอบหมายด้วยตนเองในทุกบทเรียน โดยค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ           1.2.3    กำหนดเกณฑ์ให้นักศึกษาได้สร้างวินัยในตนเอง เช่น การเข้าชั้นเรียนตรงเวลาและสม่ำเสมอ
          1.3.1    การทดสอบความเข้าใจในการสอบกลางภาคและปลายภาค           1.3.2    การเข้าเรียนตรงเวลา และการส่งงานตามเวลาที่กำหนด           1.3.3    การมีส่วนร่วมในกิจกรรมระหว่างเรียน
2.1 ความรู้ที่ต้องได้รับ
พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และความเข้าใจทั้งในด้านทฤษฎีและหลักการปฏิบัติในเนื้อหาของรายวิชา โดยทางทฤษฎีเน้นความรู้ความเข้าใจในเรื่องหลักการ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง กระบวนการและกลวิธีการล่ามแบบพูดตาม ส่วนในทางปฏิบัติ เน้นการฝึกล่ามในสถานการณ์จำลองในบริบทประเภทต่าง ๆ จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยมุ่งเน้นให้นักศึกษาได้บูรณาการความรู้เกี่ยวกับการล่ามและสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสม
ยึดหลักการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนและการฝึกปฏิบัติจริงเป็นสำคัญ โดย           2.2.1    ให้ความรู้แก่นักศึกษาในบทเรียนต่าง ๆ แล้วให้ฝึกปฏิบัติตามกิจกรรมที่กำหนดในบทเรียน            2.2.2    ให้นักศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ           2.2.3    ให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติการล่ามผ่านการจำลองสถานการณ์จริง
          2.3.1    การทดสอบย่อย / สอบกลางภาค / สอบปลายภาค           2.3.2    การฝึกปฏิบัติการล่ามในบริบบทต่างๆ ในชั้นเรียน           2.3.3    ผลงานจากการค้นคว้าเพิ่มเติมของนักศึกษาและนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชั้นเรียน
พัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะการปฏิบัติจากการประยุกต์ความรู้ด้านวิชาการที่ได้รับจากการศึกษาเนื้อหาในบทเรียน และจากการค้นคว้าเพิ่มเติมนอกชั้นเรียน มาใช้ในการล่ามในบริบทประเภทต่างๆอย่างเหมาะสม
 
ยึดหลักการเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ โดย            3.2.1    ให้นักศึกษาวิเคราะห์ตัวอย่างการล่ามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานล่ามประเภทต่างๆ           3.2.2    ให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติการล่ามโดยจำลองสถานการณ์จริง           3.2.3    ให้นักศึกษาฝึกทักษะการวิเคราะห์ตนเอง โดยเขียน Self-reflection หลังการฝึกล่ามทุกครั้งในชั่วโมงเรียน
          3.3.1    การทดสอบปฏิบัติล่าม           3.3.2    การอภิปราย ซักถาม แสดงความคิดเห็น และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่ม           3.3.3    การทำแบบฝึกหัด งานที่ได้รับมอบหมาย และการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักการทำงานเป็นทีม โดยการช่วยกันค้นคว้าหาคำตอบ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรวมถึงสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม
จัดให้นักศึกษาได้ทำกิจกรรมแบบกลุ่มในชั้นเรียน กระตุ้นให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น และช่วยกันระดมสมองในการฝึกการล่าม มีการให้นักศึกษาประเมินผลการปฏิบัติงานล่ามของเพื่อนร่วมชั้นเรียน (Peer Reflection) ทุกครั้งหลังการล่าม
          4.3.1    ให้นักศึกษาประเมินกันเองในกิจกรรมการฝึกล่าม           4.3.2    ผู้สอนประเมินจาก Peer Reflection           4.3.3    สังเกตจากความสนใจ ความตั้งใจและการมีส่วนรวมของนักศึกษาในชั้นเรียน
พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นให้นักศึกษา           5.1.1    ค้นคว้า ศึกษา วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการล่ามอย่างเหมาะสม           5.1.2    สามารถใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบท
ประเมินจากผลงานและการฝึกปฏิบัติของนักศึกษา ได้แก่           5.2.1    สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการล่ามในบทเรียนต่าง ๆ           5.2.2    ให้นักศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้ง off-line และ on-line           5.2.3    ให้ความรู้เกี่ยวกับระดับ รูปแบบ และสไตล์ของภาษาการล่ามผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ           5.2.4    ให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติการล่ามงานหลากหลายประเภท
    ประเมินจากผลงานและการฝึกปฏิบัติของนักศึกษา ได้แก่           5.3.1    การทดสอบความรู้ด้านภาษาในการสอบกลางภาคและปลายภาค           5.3.2    ผลงานการทำแบบฝึกปฏิบัติการล่ามในชั้นเรียน           5.3.3    ผลการทำแบบประเมินตนเองและเพื่อนร่วมชั้นเรียน (Self-Reflection and Peer Relfection)
6.1.1 ปฏิบัติกระบวนการแปลแบบล่ามพูดตามขั้นพื้นฐานจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องตามต้นฉบับ  6.1.2 ใช้เครื่องมือประกอบการล่าม เช่น โปรแกรมช่วยแปล (CAT Tools) หรือเครื่องมือออนไลน์ ได้อย่างเหมาะสม 6.1.3 ปรับปรุง แก้ไข และประเมินคุณภาพการล่ามของตนเองและผู้อื่นด้วยเกณฑ์ที่ชัดเจน 6.1.4 ทำงานแปลร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีวินัยในวิชาชีพ   6.1.5 ประยุกต์ใช้กลยุทธ์การล่ามที่หลากหลายให้เหมาะสมกับบริบท
6.2.1 สาธิตกระบวนการแปลแบบล่ามพูดตามโดยอาจารย์ผู้สอน 6.2.2 ให้นักศึกษาฝึกล่ามในสถานการณ์ที่หลากหลาย 6.2.3 การทำงานกลุ่ม ฝึกอภิปรายและให้ข้อเสนอแนะระหว่างเพื่อน 6.2.4 การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือสนับสนุน เช่น โปรแกรมช่วยแปล พจนานุกรมออนไลน์
6.3.1 การตรวจและให้คะแนนจากการฝึกปฏิบัติงานล่ามในชั้นเรียน  6.3.2 การสอบกลางภาคและสอบปลายภาค 6.3.3 การประเมินผลการปฏิบัติงานล่ามของตนเอง (Self-Reflection) 6.3.4 การประเมินจากการมีส่วนร่วมในการเรียนและการให้ข้อเสนอแนะในชั้นเรียน 
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 หน่วยที่ 1-5 สอบกลางภาค 9 20%
2 หน่วยที่ 6-9 สอบปลายภาค 17 20%
3 หน่วยที่ 1-9 ฝึกปฏิบัติการล่ามในชั้นเรียน ตลอดภาคการศึกษา 40%
4 หน่วยที่ 1-9 แบบประเมิน Self-Reflection ตลอดภาคการศึกษา 10%
5 จิตพิสัย ตลอดภาคการศึกษา 10%
Gillies, A. (2013). Conference Interpreting. Routledge.
Gillies, A. (2019). Consecutive interpreting : a short course. Routledge, Taylor & Francis Group.
Gillies, A. (2017). Note-taking for consecutive interpreting a short course. Milton Park, Abingdon, Oxon New York, Ny Routledge.
Jean-François Rozan, Gillies, A., & Bartosz Waliczek. (2004). Note-taking in consecutive interpreting. Tertium.
Jones, R. (2002). Conference interpreting explained. St. Jerome Pub.
Mikkelson, H. (2006). Consecutive interpreting. Acebo.
Setton, R., & Dawrant, A. (2016). Conference interpreting : a trainer’s guide. John Benjamins Publishing Company.
 
การประเมินประสิทธิผลของรายวิชาที่จัดทำโดยนักศึกษาได้จากกิจกรรมดังต่อไปนี้           1.1 การสนทนากลุ่มระหว่างผู้สอนและผู้เรียน           1.2 แบบประเมินผู้สอน และแบบประเมินรายวิชา           1.3 ข้อเสนอแนะที่อาจารย์ผู้สอนได้จากนักศึกษาผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ
การเก็บข้อมูลเพื่อประเมินการสอนมีกลยุทธ์ดังต่อไปนี้           2.1 การสังเกตการณ์การสอนของหัวหน้าสาขาวิชา/หัวหน้าสาขา/ผู้ที่คณะมอบหมาย           2.2 ผลการเรียนของนักศึกษา           2.3 การทวนสอบผลประเมินการเรียนรู้ 
 
นำผลประเมินการสอนตามข้อ 2 มาปรับปรุงการสอนโดยการจัดกิจกรรมระดมสมอง และหาข้อมูลเพิ่มเติมในการปรับปรุงการสอนดังนี้           3.1 สัมมนาการจัดการเรียนการสอน           3.2 ดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
          ในระหว่างกระบวนการสอนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ตามที่คาดหวังจากการเรียนรู้ในวิชาจากกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การสอบถามนักศึกษา หรือการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษา รวมถึงพิจารณาจากผลการทดสอบย่อย และหลังการออกผลการเรียนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์โดยรวมได้ดังนี้           4.1 การทวนสอบการให้คะแนนจากการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษาโดยหัวหน้าสาขาวิชา หรือหัวหน้าสาขา หรือผู้ที่คณะมอบหมาย           4.2 มีการตั้งคณะกรรมการในสาขาวิชา ตรวจสอบผลการประเมินการเรียนรู้ของนักศึกษา โดยตรวจสอบข้อสอบ รายงาน วิธีการให้คะแนนสอบ คะแนนภาคปฏิบัติ และการให้คะแนนพฤติกรรม
นำผลการประเมินและทวนสอบผลสัมฤทธิ์ประสิทธิผลรายวิชา มาวางแผนปรับปรุงการสอนและรายละเอียดของรายวิชาเพื่อให้เกิดคุณภาพมากขึ้นดังนี้           5.1 ปรับปรุงรายวิชาทุก 3 ปี หรือตามข้อเสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ตามข้อ 4           5.2 เปลี่ยนหรือสลับอาจารย์ผู้สอน เพื่อให้นักศึกษามีมุมมองในเรื่องการประยุกต์ความรู้จากรายวิชานี้ เข้ากับปัญหาที่มาจากงานวิจัยหรือประสบการณ์ของอาจารย์