ฟิสิกส์ทางการเกษตร

Physics for Agriculture

1.1 เพื่อให้นักศึกษาความเข้าใจในหลักการพื้นฐานทางกลศาสตร์ ทัศนศาสตร์ คลื่น อุณหพลศาสตร์ แม่เหล็ก-ไฟฟ้า เซลล์แสงอาทิตย์ และรังสีเบื้องต้น
1.2 เพื่อเข้าใจวิทยาศาสตร์พื้นฐานของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเกษตรศาสตร์
1.3 เพื่อฝึกและพัฒนาทักษะปฎิบัติการที่เป็นระบบ
1.4 เพื่อฝึกและพัฒนาทักษะวิเคราะห์และแก้ปัญหาที่เป็นระบบ
1.5 เพื่อสร้างเสริมจิตพิสัยในการปฎิบัติงานอย่างมีระบบตามหลักวิทยาศาสตร์
2.1 เพื่อปรับกระบวนการรายวิชาให้สอดคล้องกับคุณสมบัติบัณฑิตนักปฏิบัติอันพึงประสงค์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
2.2 พื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้ ความเข้าใจ ในรายวิชาฟิสิกส์ทางการเกษตรไปเป็นพื้นฐานการเรียนในรายวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ควรมีการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างอ้างอิงให้สอดคล้องกับแนวโน้มด้านเทคโนโลยีที่ได้มีความก้าวหน้าไปตามยุคสมัย
     ศึกษาและปฏิบัติการทดลองเกี่ยวกับ จลศาสตร์ พลศาสตร์ กลศาสตร์ของไหล คลื่น, เสียง, อุณหพลศาสตร์, ไฟฟ้า, ทัศนศาสตร์, เซลล์แสงอาทิตย์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรังสี และการประยุกต์ใช้ฟิสิกส์ทางการเกษตร รวมถึงการสร้างทักษะในการวิเคราะห์และคำนวณปัญหาด้านเกษตรกรรม
1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 
     1.1.1 มีจิตสำนึกสาธารณะและตระหนักในคุณค่าของคุณธรรม จริยธรรม      1.1.2 มีจรรยาบรรณทางวิชาการหรือวิชาชีพ      1.1.3 มีวินัย ขยัน อดทน ตรงต่อเวลาและความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม      1.1.4 เคารพสิทธิในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
วิธีการสอนภาคทฤษฎี สอนแบบบรรยาย สาธิต ยกตัวอย่าง แสดงความคิดเห็นในการแก้ไขโจทย์ปัญหาและประยุกต์ใช้ความรู้ฟิสิกส์ในด้านกาเกษตร
วิธีการสอน การฝึกปฏิบัติการทดลองจริงเพื่อเสริมสาร้างความเข้าใจในภาคทฤษฎี มีการทำงานแบบ
1.3.1 การให้คะแนนการเข้าชั้นเรียน และมีความรับผิดชอบส่งงานตรงเวลา
1.3.2 สังเกตพฤติกรรมของนักศึกษาในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ความร่วมมือ ซื่อสัตย์สุจริต
2.1.1 มีความรู้และความเข้าใจทั้งด้านทฤษฎีและหลักการปฏิบัติในเนื้อหาที่ศึกษา
2.1.2 สามารถติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีของสาขาวิชาที่ศึกษา
2.1.3 สามารถบูรณาการความรู้ที่ศึกษากับความรู้ในศาสตร์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ใช้เทคนิควิธีการสอนที่หลากหลายตามบริบทของเนื้อหาและผู้เรียน สภาพแวดล้อมในการเรียน ได้แก่
2.2.1 การสอนฝึกปฏิบัติการ
2.2.2 การเรียนแบบค้นพบ   (Discovery Learning)
2.2.3 การเรียนแบบแก้ปัญหา (Problem-solving)
2.2.4 การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning) 
2.2.5 การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด (Concept Mapping)
2.3.1 งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
2.3.2 การสังเกต
2.3.3 แบบทดสอบปรนัยและอัตนัย
2.3.4 แบบทดสอบวัดด้านการปฏิบัติการ
3.1.1 มีทักษะปฏิบัติจากการประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้านวิชาการหรือวิชาชีพ
3.1.2 มีทักษะในการนำความรู้มาคิดและใช้อย่างมีระบบ
3.2.1 การสอนฝึกปฏิบัติการ
3.2.2 การเรียนแบบค้นพบ   (Discovery Learning)
3.2.3 การเรียนแบบแก้ปัญหา (Problem-solving)
3.2.4 การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning) 
3.2.5 การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด (Concept Mapping)
3.3.1 งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
3.3.2 การสังเกต
3.3.3 แบบทดสอบปรนัยและอัตนัย
3.3.4 แบบทดสอบวัดด้านการปฏิบัติการ
4.1.1  มีมนุษยสัมพันธ์และมารยาทสังคมที่ดี 4.1.2  มีภาวะความเป็นผู้นำและผู้ตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.1.3 สามารถทำงานเป็นทีมและสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม 4.1.4  สามารถใช้ความรู้ในศาสตร์มาช่วยเหลือสังคมในประเด็นที่เหมาะสม สังคมในประเด็นที่เหมาะสม
4.2.1 การสอนฝึกปฏิบัติการ
4.2.2 การเรียนแบบค้นพบ   (Discovery Learning)
4.2.3 การเรียนแบบแก้ปัญหา (Problem-solving)
4.2.4 การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning) 
4.2.5 การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด (Concept Mapping)
4.3.1 ประเมินจากความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมงานกลุ่ม 4.3.2 ประเมินจากการนำเสนองาน
5.1.1 สามารถเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสม 5.1.2 สามารถสืบค้น ศึกษา วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม 5.1.3 สามารถใช้ภาษาไทยหรือต่างประเทศในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.2.1 การสอนฝึกปฏิบัติการ
5.2.2 การเรียนแบบค้นพบ   (Discovery Learning)
5.2.3 การเรียนแบบแก้ปัญหา (Problem-solving)
5.2.4 การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning) 
5.2.5 การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด (Concept Mapping)
5.3.1 งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
5.3.2 การสังเกต
5.3.3 แบบทดสอบปรนัยและอัตนัย
5.3.4 แบบทดสอบวัดด้านการปฏิบัติการ
6.1.1 สามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง 6.1.2 สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำ 6.1.3 สามารถปฏิบัติงานได้โดยอัตโนมัติเป็นธรรมชาติ
6.2.1 การสอนฝึกปฏิบัติการ
6.2.2 การเรียนแบบค้นพบ   (Discovery Learning)
6.2.3 การเรียนแบบแก้ปัญหา (Problem-solving)
6.2.4 การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning) 
6.2.5 การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด (Concept Mapping)
6.3.1 งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
6.3.2 การสังเกต
6.3.3 แบบทดสอบปรนัยและอัตนัย
6.3.4 แบบทดสอบวัดด้านการปฏิบัติการ
แผนที่แสดงการกระจายความรับผิดชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสู่รายวิชา (Curriculum Mapping)
กลุ่มวิชา 1.ด้านคุณธรรมจริยธรรม 2.ด้านความรู้ 3.ด้านทักษะทางปัญญา 4.ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 5.ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลขการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ลำดับ รหัสวิชา ชื่อวิชา 1 2 3 4 1 2 3 1 2 1 2 3 4 1 2 3
1 FUNSC119 ฟิสิกส์ทางการเกษตร
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 ด้านคุณธรรม จริยธรรมที่ต้องพัฒนา แบบประเมิน 1. การเข้าชั้นเรียน 2. การตรงต่อเวลา 3. ความซื่อสัตย์สุจริตและความรับผิดชอบ ทุกสัปดาห์ 10 %
2 ด้านความรู้ที่ต้องได้รับ และปัญญา ทดสอบประจำหน่วยเรียน กลางภาค ปลายภาค ทุกสัปดาห์ 60 %
3 ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบที่ต้องพัฒนา เข้าทำการทดลองปฏิบัติการตามจำนวนบทปฏิบัติการ ในรูปแบบกลุ่ม ทุกสัปดาห์ 10 %
4 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งผลการวิเคราะห์ทดลองปฏิบัติการตามจำนวนการทดลองปฏิบัติการ ส่งงานการคำนวณแก้ไข้โจทย์ปัญหา ทุกสัปดาห์ 10 %
5 ด้านทักษะพิสัย แบบสังเกต การใช้เครื่องมือในการทดลองบทปฏิบัติการ ทุกสัปดาห์ 10 %
1. 1 เอกสารประกอบการสอนวิชาฟิสิกส์ทางเกษตร 
 
- www.rmutphysics.com/ - www.lesa.biz/                                                                                                                                                                                                       -http://www.atom.rmutphysics.com/charud/scibook/physcis-for-everyday/index/index1.htm
- https://phet.colorado.edu/
แบบสอบถามความพึงพอใจ: นักศึกษาสามารถตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจในรายวิชาหลังจากจบรายวิชา เช่น การประเมินเนื้อหา การสอน และการประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตจริง เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงเนื้อหาตามความต้องการของนักศึกษา การสัมภาษณ์และกลุ่มสนทนา (Focus Group): การสัมภาษณ์นักศึกษาหรือจัดกลุ่มสนทนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเชิงลึกจากนักศึกษา โดยเฉพาะการรับฟังข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ซึ่งอาจไม่ได้ปรากฏในแบบสอบถามทั่วไป การประเมินตนเองและเพื่อนร่วมกลุ่ม: นักศึกษาอาจถูกขอให้ประเมินตนเองและเพื่อนร่วมกลุ่มในด้านการมีส่วนร่วม การปฏิบัติตามหน้าที่ และการทำงานเป็นทีม เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการประยุกต์ความรู้และทักษะในรายวิชา การสะท้อนการเรียนรู้ (Reflective Journals): ให้นักศึกษาเขียนบันทึกสะท้อนความรู้และทักษะที่ได้รับจากรายวิชา รวมถึงความคิดที่พัฒนาขึ้นหรือความท้าทายที่เผชิญ ซึ่งช่วยให้ผู้สอนเข้าใจถึงกระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษาได้ชัดเจนขึ้น การประเมินแบบออนไลน์ตามเวลาจริง (Real-time Polling): ใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Kahoot หรือ Mentimeter เพื่อให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นและประเมินรายวิชาระหว่างการเรียนการสอน ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอนสามารถปรับการสอนให้ตรงตามความต้องการของนักศึกษาได้ทันที การวิเคราะห์ผลการเรียนและความก้าวหน้า: วิเคราะห์ผลการเรียนและความก้าวหน้าของนักศึกษา เพื่อดูว่านักศึกษามีการพัฒนาการเรียนรู้ตามเป้าหมายของรายวิชาหรือไม่ ข้อมูลนี้สามารถใช้ปรับปรุงการสอนและเนื้อหาในอนาคตได้ การใช้การประเมินแบบ Peer Review: ให้นักศึกษาประเมินงานหรือการนำเสนอของเพื่อนร่วมชั้นเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ร่วมกัน และสร้างการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ผลการประเมินการสอนของนักศึกษาในรายวิชาทุกกลุ่มเรียน
ประเมินการสอนอย่างสม่ำเสมอ: ตรวจสอบผลตอบรับจากนักเรียนหลังจบแต่ละบทหรือรายวิชา และใช้ข้อมูลนี้ในการปรับปรุง การใช้แบบสอบถาม การสนทนากลุ่ม หรือการสังเกตการณ์ช่วยให้ผู้สอนทราบจุดเด่นและข้อบกพร่องของการสอน พัฒนาเทคนิคการสื่อสาร: การสื่อสารที่ชัดเจน ช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหามากขึ้น ผู้สอนควรฝึกการอธิบายเนื้อหาอย่างตรงประเด็น ใช้ตัวอย่างและการเปรียบเทียบเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ง่ายขึ้น รวมถึงการใช้ภาษาและคำอธิบายที่เหมาะสมกับระดับความรู้ของผู้เรียน การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย: เพิ่มความน่าสนใจและการมีส่วนร่วมโดยใช้กิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การทำงานกลุ่ม การเล่นบทบาทสมมติ หรือการทำโครงการ โดยออกแบบให้เหมาะสมกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์การเรียนรู้ ใช้เทคโนโลยีและสื่อการสอนที่ทันสมัย: เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสอน เช่น การใช้สไลด์ วิดีโอ หรือแอปพลิเคชันที่ช่วยในการจำลองสถานการณ์ หรือการใช้งานเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยให้การสอนมีปฏิสัมพันธ์ เช่น Kahoot, Mentimeter และ Google Classroom สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดี: ผู้สอนควรสร้างบรรยากาศที่นักเรียนรู้สึกปลอดภัยและเปิดใจในการเรียนรู้ การมีความเป็นกันเอง ให้โอกาสนักเรียนได้ถามคำถามหรือแสดงความเห็น และการให้กำลังใจเมื่อพวกเขาทำได้ดี ช่วยสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ พัฒนาทักษะด้านการวัดและประเมินผล: ควรปรับการวัดผลให้เหมาะสมกับความหลากหลายของการเรียนรู้ อาจใช้วิธีการวัดผลที่หลากหลาย เช่น การสอบปากเปล่า การนำเสนอผลงาน การทำแบบฝึกหัด และโครงงาน เพื่อให้ครอบคลุมความเข้าใจและทักษะที่จำเป็น ฟังข้อเสนอแนะจากนักเรียนและปรับปรุงตามคำแนะนำ: รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของนักเรียนเกี่ยวกับการสอน เนื้อหา และกิจกรรมการเรียนรู้ แล้วนำไปปรับใช้ในการสอนครั้งต่อไป การเปิดใจรับฟังและการนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงจะช่วยพัฒนาการสอนและสร้างความประทับใจให้กับนักเรียน พัฒนาความรู้และทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง: ผู้สอนควรมีการพัฒนาความรู้ในสาขาวิชาของตนเองและทักษะการสอนอย่างต่อเนื่อง เช่น การเข้าร่วมการอบรม สัมมนา หรือเวิร์กช็อป รวมถึงการศึกษาและติดตามแนวโน้มการสอนใหม่ ๆ
การประเมินผลสัมฤทธิ์ตามเกณฑ์มาตรฐาน: การกำหนดเกณฑ์คะแนนที่ชัดเจนและใช้การประเมินตามเกณฑ์ (Rubrics) เพื่อวัดระดับความรู้และทักษะของนักศึกษา ทำให้สามารถเห็นภาพรวมว่าผลการเรียนรู้ตรงตามมาตรฐานหรือไม่ และช่วยให้การประเมินมีความเป็นกลางและเที่ยงตรง การใช้แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized Testing): การออกแบบข้อสอบที่ครอบคลุมเนื้อหาหลักและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ เช่น ข้อสอบปลายภาคหรือข้อสอบกลางภาค โดยใช้คำถามที่วัดความรู้และทักษะในระดับต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนสามารถเทียบเคียงได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes Assessment): ตรวจสอบว่าผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ระบุในรายวิชานั้นได้รับการบรรลุตามเป้าหมายหรือไม่ โดยประเมินจากงานที่นักศึกษาส่ง เช่น โครงการ การเขียนรายงาน หรือการนำเสนอผลงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอนทราบถึงทักษะการวิเคราะห์ ความเข้าใจ และการประยุกต์ใช้ความรู้ของนักศึกษา การทบทวนผลงานนักศึกษาโดยคณะกรรมการ (Peer Review หรือ External Review): การเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกหรือคณะกรรมการภายในมาช่วยตรวจสอบงานหรือผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษา เพื่อให้ได้ความเห็นเพิ่มเติมที่เป็นกลาง และประเมินว่าผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด การใช้การสอบปากเปล่าหรือการประเมินโดยการสัมภาษณ์ (Oral Exams or Interviews): การสอบปากเปล่าหรือการสัมภาษณ์ช่วยให้ผู้สอนสามารถวัดความเข้าใจของนักศึกษาในเชิงลึกมากขึ้น โดยเฉพาะการสอบถามถึงกระบวนการคิดและการเชื่อมโยงความรู้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย การประเมินผ่านการทำงานกลุ่มหรือการทำโครงการ (Group Projects or Capstone Projects): การทำงานกลุ่มหรือโครงการแบบบูรณาการที่ต้องใช้ทักษะต่าง ๆ เช่น การวิจัย การวิเคราะห์ และการทำงานร่วมกัน ช่วยให้ผู้สอนเห็นความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ของนักศึกษา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ตามมาตรฐาน การเปรียบเทียบผลการเรียนย้อนหลัง (Benchmarking): การเปรียบเทียบผลการเรียนของนักศึกษาในรายวิชาเดียวกันแต่ละปี เพื่อดูแนวโน้มว่าผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษามีการพัฒนาไปในทิศทางที่ต้องการหรือไม่ และใช้ผลการเปรียบเทียบนี้ปรับปรุงการสอนในรายวิชานั้น ๆ การวิเคราะห์คะแนนเฉลี่ย (Grade Analysis): การวิเคราะห์คะแนนเฉลี่ยของนักศึกษาแต่ละกลุ่มหรือแต่ละปี เพื่อดูว่าคะแนนเฉลี่ยที่ได้รับสะท้อนถึงการบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้หรือไม่ โดยพิจารณาจากแนวโน้มคะแนนและการกระจายตัวของคะแนนในแต่ละกลุ่ม การสะท้อนความคิดเห็นจากนักศึกษา (Student Feedback Reflection): รับฟังความคิดเห็นจากนักศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของรายวิชา ซึ่งช่วยให้ผู้สอนทราบว่านักศึกษามีการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพหรือไม่ และสามารถนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ต่อไป
การเก็บรวบรวมข้อมูลและประเมินผล:
ผลการเรียนรู้ของนักศึกษา: วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้จากคะแนนสอบ งานที่นักศึกษาส่ง และกิจกรรมต่าง ๆ ในรายวิชา ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากนักศึกษา: เก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม ความคิดเห็นในกลุ่มสนทนา หรือแบบสอบถามความคิดเห็นนักศึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาและการสอน การสังเกตและสะท้อนตนเองของผู้สอน: ผู้สอนควรสะท้อนกระบวนการสอนและผลการเรียนรู้ เพื่อประเมินว่าการสอนแต่ละกิจกรรมหรือบทเรียนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ วิเคราะห์ข้อมูลและระบุประเด็นที่ควรปรับปรุง:
วิเคราะห์ข้อมูลจากการเก็บรวบรวม เพื่อระบุจุดที่ต้องการปรับปรุง เช่น ความเข้าใจที่ไม่ชัดเจนของนักเรียนต่อบางหัวข้อ หรือการตอบสนองต่อกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่ดีพอ พิจารณาว่าควรปรับปรุงส่วนใด เช่น โครงสร้างของบทเรียน เทคนิคการสอน เนื้อหา หรือกิจกรรมในห้องเรียน ตั้งเป้าหมายการปรับปรุง:
กำหนดเป้าหมายเฉพาะเจาะจงสำหรับการปรับปรุง เช่น เพิ่มความเข้าใจในหัวข้อที่ซับซ้อน ปรับกิจกรรมการเรียนให้เน้นทักษะปฏิบัติมากขึ้น หรือเพิ่มปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียน ระบุวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ชัดเจนและเป็นไปได้ วางแผนการปรับปรุงและออกแบบการสอนใหม่:
ปรับเนื้อหาหรือโครงสร้างรายวิชา: หากพบว่าเนื้อหาซับซ้อนเกินไป หรือเรียงลำดับไม่เหมาะสม อาจต้องจัดลำดับใหม่หรือแบ่งหัวข้อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปรับเทคนิคการสอนและการใช้สื่อ: ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสมหรือเทคนิคการสอนที่ใหม่ เช่น การสอนแบบเรียนรู้ร่วมกัน การสอนแบบปฏิบัติ และการเรียนรู้ผ่านโครงการ ปรับปรุงการประเมินผล: พิจารณาการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มการประเมินจากโครงการที่มีการประยุกต์ใช้ความรู้ การประเมินทักษะปฏิบัติ หรือการประเมินผ่านการนำเสนอ ทดลองใช้แผนการสอนที่ปรับปรุงและเก็บข้อมูลใหม่:
ดำเนินการสอนตามแผนที่ได้ปรับปรุง และเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้และความพึงพอใจของนักศึกษา เพื่อประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ การประเมินและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง:
ทบทวนผลที่ได้จากการปรับปรุงในรอบที่ผ่านมา เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนารายวิชาในครั้งถัดไป คำนึงถึงข้อเสนอแนะและผลการประเมินจากภายนอก เช่น จากเพื่อนร่วมงานหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรับปรุงรายวิชาอย่างต่อเนื่อง