โภชนศาสตร์สัตว์

Animal Nutrition

 รู้ความหมาย และเข้าใจความสำคัญด้านโภชนศาสตร์สัตว์  แบ่งประเภท และรู้บทบาทของโภชนะต่างๆในร่างกายสัตว์  รู้ และเข้าใจการย่อยอาหาร ดูดซึมโภชนะของสัตว์ เข้าใจกระบวนการเมตาโบลิซึมโภชนะหลัก เข้าใจการประเมินและวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนะในอาหารสัตว์ รู้ และเข้าใจความต้องการโภชนะของสัตว์แต่ละชนิด มีทักษะการปฏิบัติวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีในอาหารสัตว์

      
เพื่อเป็นตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อให้ทันสมัยสอดคล้องกับเหตุการณ์ สภาพการผลิตสัตว์ ณ ปัจจุบัน  
ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับความหมายและความสำคัญด้านโภชนศาสตร์สัตว์  โภชนะชนิดต่างๆในอาหารสัตว์ การย่อยอาหาร ดูดซึมและเมตาโบลิซึมโภชนะแต่ละชนิด  ความต้องการโภชนะของสัตว์เลี้ยง การประเมิน และวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนะในอาหารสัตว์ 
จัดเวลาให้นักศึกษาเข้าพบเพื่อขอคำปรึกษาและแนะนำทางวิชาการสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง โดยใช้วิธีนักศึกษานัดหมายอาจารย์ล่วงหน้า
                 3.1 วันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 15.30 - 16.30 น. ห้องพักสาขาสัตวศาสตร์  โทร.มือถือ 065-2261664
                3.2  e-mail: Atichat_T@rmutl.ac.th เวลา 20.00 - 21.00 น. ทุกวัน
1.1  มีคุณธรรมและจริยธรรม หมายถึง ศรัทธาในความดี มีหลักคิดและแนวปฏิบัติในทางส่งเสริมความดีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ มีความรับผิดชอบ มีศีลธรรม ซื่อสัตย์สุจริตและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างสันติ
1.2 มีจรรยาบรรณ หมายถึง มีระเบียบวินัยและเคารพกฎกติกาของสังคม ประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพ
1. การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning)     
2. การสอนแบบการศึกษาเป็นรายบุคคล (Individual Study)
3. การสอนแบบการอภิปรายกลุ่มใหญ่ (Whole - Class Discussion)
4. การสอนแบบการอภิปรายกลุ่มย่อย (Small - Group Discussion) 
5. การสอนฝึกปฏิบัติการ  
6. การสอนแบบกรณีศึกษา (Case Studies)
1.งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
2 .โครงการกลุ่ม
3.การสังเกต
4.การนำเสนองาน
5.ข้อสอบอัตนัย
6.การประเมินตนเอง
7.การประเมินโดยเพื่อน
2.1 มีความรู้ในสาขาวิชาชีพ หมายถึง มีความรู้ ความเข้าใจ ในสาขาวิชาชีพที่เรียนอย่าง
ถ่องแท้และเป็นระบบ ทั้งหลักการ ทฤษฎีและการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ทันสมัยในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
2.2 มีความรอบรู้ หมายถึง มีความรู้ในหลายสาขาวิชาและสามารถประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
1. กระบวนการสืบค้น
2. การเรียนแบบแก้ปัญหา
3. การสอนแบบการตั้งคำถาม
4. การสอนแบบการศึกษาเป็นรายบุคคล
5. การสอนแบบการจัดการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยี
6. การสอนแบบการอภิปรายกลุ่มย่อย
7. การสอนฝึกปฏิบัติการ  
8. การสอนแบบกรณีศึกษา
9. การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม 
10. การสอนในห้องปฏิบัติการ   
11. การสอนแบบบรรยาย  
12. การสอนแบบสัมมนา  
13. การสอนแบบบรรยายเชิงปฏิบัติ
1.งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
2.การนำเสนองาน
3.ข้อสอบอัตนัย
4. ข้อสอบปรนัย
5.การประเมินตนเอง
6.การเขียนบันทึก
3.1 สามารถคิดวิเคราะห์งานอย่างเป็นระบบ หมายถึง มีทักษะในการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลและคิดแบบองค์รวม
3.2 สามารถคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์
จากพื้นฐานของความรู้ที่เรียน นำมาพัฒนานวัตกรรมหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่
3.3 ใฝ่รู้และรู้จักวิธีการเรียนรู้ หมายถึง แสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ อย่างสม่ำเสมอและรู้จักเทคนิควิธีและกระบวนการในการเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสม
1. กระบวนการสืบค้น
2. การเรียนแบบแก้ปัญหา
3. การสอนแบบการตั้งคำถาม
4. การสอนแบบการศึกษาเป็นรายบุคคล
6. การสอนแบบการอภิปรายกลุ่มย่อย
7. การสอนฝึกปฏิบัติการ  
8. การสอนแบบกรณีศึกษา
9. การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม 
10. การสอนในห้องปฏิบัติการ   
11. การสอนแบบปฏิบัติ 
12. การสอนแบบ  Brain  Storming Group  
1.งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
2.การนำเสนองาน
3.ข้อสอบอัตนัย
4. ข้อสอบปรนัย
5.การเขียนบันทึก
6.โครงการกลุ่ม
4.1 ภาวะผู้นำ หมายถึง กล้าแสดงออก กล้าหาญ อดทน หนักแน่น รู้จักเสียสละ ให้อภัย และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สุภาพ สามารถประสานความคิดและประโยชน์ด้วยหลักแห่งเหตุผลและความถูกต้อง มีความซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม รักองค์กร เป็นผู้นำกลุ่มกิจกรรมได้ทุกระดับและสถานการณ์ที่เหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนเองทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตาม
4.2 มีจิตอาสาและสำนึกสาธารณะ หมายถึง มีจิตสำนึกห่วงใยต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสาธารณสมบัติ มีจิตอาสา ไม่ดูดาย มุ่งทำประโยชน์ให้สังคม
1. การเรียนแบบแก้ปัญหา
2. การสอนแบบการอภิปรายกลุ่มย่อย
3. การสอนฝึกปฏิบัติการ  
4. การสอนแบบกรณีศึกษา
5. การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม 
6. การสอนในห้องปฏิบัติการ   
7. การสอนแบบปฏิบัติ 
8. การสอนแบบ  Brain  Storming Group  
1.งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
2.โครงการกลุ่ม
3.นิทรรศการ
4.การสังเกต
5.การนำเสนองาน
6.การประเมินตนเอง
7.การประเมินโดยเพื่อน
5.1 มีทักษะการสื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการใช้ภาษาไทย ทั้งการฟัง 
พูด อ่านและเขียน เพื่อการสื่อสารให้เหมาะกับสถานการณ์ และการใช้ภาษาอังกฤษ ในการอ่าน พูด ฟัง และเขียน
5.2 มีทักษะทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการสื่อสารและค้นคว้าข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้  Power point  
มีการนำเสนอข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
การแนะนำเทคนิคการสืบค้นข้อมูล
การมอบหมายงานด้วยการสืบค้นข้อมูลด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเสนองานด้วยวาจา
ใช้ใบงาน ในการทำรายงานการปฏิบัติงานส่ง
1.การนำเสนองาน
2.ข้อสอบอัตนัย
3.โครงการกลุ่ม
 
แผนที่แสดงการกระจายความรับผิดชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสู่รายวิชา (Curriculum Mapping)
กลุ่มวิชา 1. ด้านคุณธรรม จริยธรรมที่ต้องพัฒนา 2. ด้านความรู้ที่ต้องได้รับ 3. ด้านทักษะทางปัญญา 4. ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 5. ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ลำดับ รหัสวิชา ชื่อวิชา 1.1 มีคุณธรรมและจริยธรรม หมายถึง ศรัทธาในความดี มีหลักคิดและแนวปฏิบัติในทางส่งเสริมความดีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ มีความรับผิดชอบ มีศีลธรรม ซื่อสัตย์สุจริตและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างสันติ 1.2 มีจรรยาบรรณทางวิชาการหรือวิชาชีพ 2.1 มีความรู้ในสาขาวิชาชีพ หมายถึง มีความรู้ ความเข้าใจ ในสาขาวิชาชีพที่เรียนอย่าง ถ่องแท้และเป็นระบบ ทั้งหลักการ ทฤษฎีและการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ทันสมัยในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง 2.2 มีความรอบรู้ หมายถึง มีความรู้ในหลายสาขาวิชาและสามารถประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม 3.1 สามารถคิดวิเคราะห์งานอย่างเป็นระบบ หมายถึง มีทักษะในการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลและคิดแบบองค์รวม 3.2 สามารถคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ จากพื้นฐานของความรู้ที่เรียน นำมาพัฒนานวัตกรรมหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ 3.3 ใฝ่รู้และรู้จักวิธีการเรียนรู้ หมายถึง แสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ อย่างสม่ำเสมอและรู้จักเทคนิควิธีและกระบวนการในการเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสม 4.1 ภาวะผู้นำ หมายถึง กล้าแสดงออก กล้าหาญ อดทน หนักแน่น รู้จักเสียสละ ให้อภัย และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สุภาพ สามารถประสานความคิดและประโยชน์ด้วยหลักแห่งเหตุผลและความถูกต้อง มีความซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม รักองค์กร เป็นผู้นำกลุ่มกิจกรรมได้ทุกระดับและสถานการณ์ที่เหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนเองทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตาม 4.2 มีจิตอาสาและสำนึกสาธารณะ หมายถึง มีจิตสำนึกห่วงใยต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสาธารณสมบัติ มีจิตอาสา ไม่ดูดาย มุ่งทำประโยชน์ให้สังคม 5.1 มีทักษะการสื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการใช้ภาษาไทย ทั้งการฟัง พูด อ่านและเขียน เพื่อการสื่อสารให้เหมาะกับสถานการณ์ และการใช้ภาษาอังกฤษ ในการอ่าน พูด ฟัง และเขียน 5.2 มีทักษะทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการสื่อสารและค้นคว้าข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1 BSCAG208 โภชนศาสตร์สัตว์
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 1.1, 1.2, 1.3, 1.4 การเข้าชั้นเรียน การส่งรายงานตรงเวลา การแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน 1-15 10%
2 1.1, 1.2, 1.3,1.4, 4.1 การมีส่วนร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน (ปฏิบัติ) ทุกสัปดาห์ 10%
3 2.1 การสอบกลางภาค 8 25%
4 3.1, 4.1,4.2, 3.3,5.1,5.2 การนำเสนองาน/การจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงาน/สอบปากเปล่า 15 20%
5 2.1 การสอบปลายภาค 16 35 %
บุญล้อม ชีวะอิสระกุล.  2541.  ชีวเคมีทางสัตวศาสตร์. ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่  160 น. 
บุญล้อม ชีวะอิสระกุล.  2546.  ชีวเคมีทางสัตวศาสตร์. ปรับปรุงครั้งที่ 2.  ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.  202  น. 
บุญล้อม ชีวะอิสระกุล.  2532.  โภชนศาสตร์สัตว์. พิมพ์ครั้งที่ 3 ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่  258 น. 
บุญล้อม ชีวะอิสระกุล.  2541.  โภชนศาสตร์สัตว์. พิมพ์ครั้งที่ 6 ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่  170 น. 
บุญเสริม ชีวะอิสระกุล  และ  บุญล้อม ชีวะอิสระกุล.  2542.  พื้นฐานสัตวศาสตร์.  ธนบรรรณการพิมพ์,  เชียงใหม่.  186 น.
พรศรี  ชัยรัตนายุทธ์.  2536.  โภชนศาสตร์สัตว์เคี้ยวเอื้อง. ภาควิชาสัตวบาล  คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,  กรุงเทพฯ.  258 น.
พานิช  ทินนิมิตร.  2535.  โภชนศาสตร์สัตว์ประยุกต์. พิมพ์ครั้งที่ 2. ภาควิชาสัตวศาสตร์  คณะทรัพยากรธรรมชาติ  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์,  สงขลา.  251 น.
พันทิพา  พงษ์เพียจันทร์.  2535.  หลักอาหารสัตว์ เล่ม 1 โภชนะ. สำนักพิมพ์ โอเดียนสโตร์.  กรุงเทพฯ.  208 น.
เพทาย   พงษ์เพียจันทร์.  2538.  สรีรวิทยาสัตว์เลี้ยง. ภาควิชาสัตวศาสตร์  คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  เชียงใหม่.  282 น.
มนตรี  จุฬาวัฒนทล  ชิษณุสรร สวัสดิวัฒน์  ยงยุทธ ยุทธวงศ์  ภิญโญ พานิชพันธ์  ประหยัด    โกมารทัต  พิณทิพ รื่นวงษา  ธีรยศ วิทิตสุวรรณกุล  บุรชัย สนธยานนท์  สุมาลีตั้งประดับกุล  และ มธุรส พงษ์ลิขิตมงคล.  2542.  ชีวเคมี.  จิรรัชการพิมพ์,  กรุงเทพฯ.  589 น.
เยาวมาลย์ ค้าเจริญ และ สาโรช ค้าเจริญ.  2530.  อาหารและการให้อาหารสัตว์ปีก.  ภาควิชาสัตวศาสตร์  คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น.  ขอนแก่น.  301 น.
ศรีสกุล วรจันทรา และ รณชัย  สิทธิไกรพงษ์.   2539. โภชนศาสตร์สัตว์. สำนักพิมพ์ โอเดียนสโตร์.  กรุงเทพฯ.  216 น.
เสาวนิต  คูประเสริฐ.  2537.  โภชนาศาสตร์สัตว์. ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่, สงขลา.  447 น.
อังคณา  หาญบรรจง  และ ดวงสมร  สินเจิมสิริ.  2532.  การวิเคราะห์และประเมินคุณภาพอาหารสัตว์. ภาควิชาสัตวบาล  คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,  กรุงเทพฯ.  155 น.
Brody, T. 1994. Nutritional Biochemistry. Academic Press, Inc. California. U.S.A. 658 p.
Berne, R.M. and M.N. Levy.  1996.  Principle of physiology.  Mosy-Year book,Inc.  Missouri.  795 p.
Church,D.C.  1979.  Digestive physiology and nutrition of ruminants.  Vol.2 – Nutrition 2nd edition.  Oxford press.  Oregon.  452 p.
Chesworth, J.M., T. Stuchbury, J.R. Scaife.  1998.  An Introduction to Agricultural Biochemistry.  Chapman & Hall. New York.  489 p.
Dey, P. M. and J. B. Harborne. 1997. Plant Biochemistry. Academic Press Inc. California. 554 p.
Ensminger, M.E., J.E. Oldfield, W.W. Heinemann. 1990. Feed & Nutrition Digest. 2nd ed. The Ensminger publishing company.  California.  794 p.
Horton,H.R., L.A.,Moran,R.S.,Ochs,J.D.Rawn and K.G.Scrimgeour.  1992. Principles of Biochemistry. Prentice-Hall International Inc. New Jersey. 700 p.
McDonald, P., R. A. Edwards, and J. F. D. Greenhalgh.  1987.  Animal Nutrition. 4th ed. Longman Scientific & Technical, Essex, England.  543 p.
McDowell, L. R. 1992. Mineral in Animal and Human Nutrition. Academic Press, Inc. California. 523 p.
McDowell, L. R. 1997.  Minerals for Grazing Ruminants in Tropical Regions. 3th edition.  IMC AGRICO.  Feed ingredients, Florida.  81 p.
McKee, T. and J.R., McKee. 2003.  Biochemistry: The Molecular Basis of Life. 3th edition.  McGraw –Hill,  New York.
Miller, E. R., D. E. Ullrey, A. J. Lewis.   1991.  Swine Nutrition.  Butterworth-Heunemann, London.  673 p.
NRC. 1994.  Nutrient Requirements of Poultry.  9th revised edition. National Academy Press, Washiton, D.C.
NRC. 1996. Nutrient Requirements of Beef Cattle.  7th revised edition. National Academy Press, Washiton,D.C.
NRC. 1998. Nutrient Requirements of Swine.  10th revised edition. National Academy Press, Washiton, D.C.
NRC. 2001. Nutrient Requirements of Dairy Cattle.  7th Revised edition. National Academy Press, Washiton, D.C.
Pond, W.G., D.C. Church and K.R. Pond.  1995.  Basic  Animal Nutrition. 4th edition.. John Willey & Son,   New York. 615 p.
Ranjhan, S. K.   1993.  Animal Nutrition and Feeding Practices. 4th edition.  Vikas publishing house PVT Ltd.,  New Delhi,  India.  415 p.
บุญล้อม ชีวะอิสระกุล.  2546.  ชีวเคมีทางสัตวศาสตร์. ปรับปรุงครั้งที่ 2.  ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.  202  น. 
บุญล้อม ชีวะอิสระกุล.  2541.  โภชนศาสตร์สัตว์. พิมพ์ครั้งที่ 6 ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่  170 น. 
พันทิพา  พงษ์เพียจันทร์.  2535.  หลักอาหารสัตว์ เล่ม 1 โภชนะ. สำนักพิมพ์ โอเดียนสโตร์.  กรุงเทพฯ.  208 น.
ศรีสกุล วรจันทรา และ รณชัย  สิทธิไกรพงษ์.   2539. โภชนศาสตร์สัตว์. สำนักพิมพ์ โอเดียนสโตร์.  กรุงเทพฯ.  216 น.
เสาวนิต  คูประเสริฐ.  2537.  โภชนาศาสตร์สัตว์. ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่, สงขลา.  447 น.
อังคณา  หาญบรรจง  และ ดวงสมร  สินเจิมสิริ.  2532.  การวิเคราะห์และประเมินคุณภาพอาหารสัตว์. ภาควิชาสัตวบาล  คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,  กรุงเทพฯ.  155 น.
Ensminger, M.E., J.E. Oldfield, W.W. Heinemann. 1990. Feed & Nutrition Digest. 2nd ed. The Ensminger publishing company.  California.  794 p.
Pond, W.G., D.C. Church and K.R. Pond.  1995.  Basic  Animal Nutrition. 4th edition.. John Willey & Son,   New York. 615 p.
Ranjhan, S. K.   1993.  Animal Nutrition and Feeding Practices. 4th edition.  Vikas publishing house PVT Ltd.,  New Delhi,  India.  415 p.
พานิช  ทินนิมิตร.  2535.  โภชนศาสตร์สัตว์ประยุกต์. พิมพ์ครั้งที่ 2. ภาควิชาสัตวศาสตร์  คณะทรัพยากรธรรมชาติ  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์,  สงขลา.  251 น.
Brody, T. 1994. Nutritional Biochemistry. Academic Press, Inc. California. U.S.A. 658 p.
McDowell, L. R. 1992. Mineral in Animal and Human Nutrition. Academic Press, Inc. California. 523 p.
McDowell, L. R. 1997.  Minerals for Grazing Ruminants in Tropical Regions. 3th edition.  IMC AGRICO.  Feed ingredients, Florida.  81 p.
NRC. 1994.  Nutrient Requirements of Poultry.  9th revised edition. National Academy Press, Washiton, D.C.
NRC. 1996. Nutrient Requirements of Beef Cattle.  7th revised edition. National Academy Press, Washiton,D.C.
NRC. 1998. Nutrient Requirements of Swine.  10th revised edition. National Academy Press, Washiton, D.C.
NRC. 2001. Nutrient Requirements of Dairy Cattle.  7th Revised edition. National Academy Press, Washiton, D.C.
การประเมินประสิทธิผลรายวิชาโดยนักศึกษา ดำเนินการดังนี้
1.1 แบบประเมินผู้สอน และแบบประเมินรายวิชาที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัย
1.2 การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดการเรียนการสอนระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
ในการเก็บข้อมูลเพื่อประเมินการสอน ได้มีกลยุทธ์ ดังนี้
-ผลการทดสอบ
-สัมมนาการจัดการเรียนการสอน
-นำผลประเมินการสอน ในส่วนที่มีคะแนนต่ำมาพิจารณาปรับปรุง
-ทวนจากคะแนนสอบ  การปฏิบัติงาน และรายงาน
จากผลการประเมิน และทวนสอบผลสัมฤทธิ์ประสิทธิผลรายวิชาได้มีการวางแผนการปรับปรุงการสอนและรายละเอียดวิชาเพื่อให้เกิดคุณภาพมากขึ้น