สายส่งสัญญาณและโครงข่ายการสื่อสาร

Communication Network and Transmission Lines

1.1 รู้และเข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสารแบบมีสายและไร้สาย
1.2 รู้และเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างสายส่งสัญญาณ วิเคราะห์ค่าพารามิเตอร์สายส่งสัญญาณสื่อสาร
1.3 รู้และเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเมทริกซ์แบบ Y, Z, F, G, H การเชื่อมต่อกันขอวงจรโครงข่ายพื้นฐาน การแปลงโครงข่าย
1.4 รู้และเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณการส่งผ่าน เทคนิควงจรการส่งผ่านสัญญาณ การกรองคลื่น การลดทอน การแมตช์ค่าอิมพิแดนซ์
1.5 รู้และเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีสายนำสัญญาณ สมการ กฏและวิธีการ ตัวกลาง ความถี่สูง และค่าคงที่ต่าง ๆ การตกกระทบและการสะท้อนคลื่น อัตราส่วนคลื่นนิ่ง คุณสมบัติของสายปลายเปิด ปิด และต่อโหลด
1.6 รู้และเข้าใจเกี่ยวกับสายนำสัญญาณที่มีการสูญเสียและไม่มีการสูญเสีย การสะท้อนในโดเมนเวลา แผนภาพการตีกลับ (bounce diagrams)
1.7 การเกิดครอสทอล์กแบบขอบเขตใกล้ (Near end crosstalk: NEXT) และครอสทอล์กแบบขอบเขตไกล (Far end crosstalk: FEXT) สัญญาณความแตกต่าง
1.8 สายนำสัญญาณแบบรวม ชนิดของสายเคเบิล สายบิดคู่ตีเกลียวชนิดไม่มีการกั้นสัญญาณรบกวน สายโคแอ็กเชียล มาตรฐานการต่างสำหรับสายนำสัญญาณในปัจจุบัน
1.9 การประยุกต์ใช้สายส่งสัญญาณและโครงข่ายการสื่อสาร
1.10 เห็นความสำคัญของวิชาวิศวกรรมสายส่งและโครงข่ายสื่อสาร
     เพื่อให้นักศึกษามีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงข่ายของการสื่อสาร  การหาค่าพารามิเตอร์ แก้ไขปัญหาต่างๆ และการประยุกต์ใช้ของสายส่งสัญญาณ  การนำเอาไปใช้ในงานที่เกี่ยวข้อง และสามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้งานต่อไป
          ศึกษาเกี่ยวกับการสื่อสารแบบมีสายและไร้สาย  โครงสร้างสายส่งสัญญาณ วิเคราะห์ค่าพารามิเตอร์สายส่งสัญญาณสื่อสาร  ความสัมพันธ์ของเมทริกซ์แบบ Y, Z, F, G, H  การเชื่อมต่อกันของวงจรโครงข่ายพื้นฐาน  การแปลงโครงข่าย  ปริมาณการส่งผ่าน  เทคนิควงจรการส่งผ่านสัญญาณ  การกรองคลื่น  การลดทอน  การแมตช์ค่าอิมพิแดนซ์  ทฤษฎีสายนำสัญญาณ  สมการ  กฏและวิธีการ  ตัวกลาง  ความถี่สูง  และค่าคงที่ต่าง ๆ  การตกกระทบและการสะท้อนคลื่น  อัตราส่วนคลื่นนิ่ง  คุณสมบัติของสายปลายเปิด ปิด และต่อโหลด  สายนำสัญญาณที่มีการสูญเสียและไม่มีการสูญเสีย  การสะท้อนในโดเมนเวลา  แผนภาพการตีกลับ (bounce diagrams)  การเกิดครอสทอล์กแบบขอบเขตใกล้ (Near end crosstalk: NEXT) และครอสทอล์กแบบขอบเขตไกล (Far end crosstalk: FEXT)  สัญญาณความแตกต่าง  สายนำสัญญาณแบบรวม  ชนิดของสายเคเบิล  สายบิดคู่ตีเกลียวชนิดไม่มีการกั้นสัญญาณรบกวน  สายโคแอ็กเชียล  มาตรฐานการต่างสำหรับสายนำสัญญาณในปัจจุบัน  การประยุกต์ใช้สายส่งสัญญาณและโครงข่ายการสื่อสาร
          -   อาจารย์ประจำรายวิชา  ประกาศเวลาให้คำปรึกษาผ่านเว็บไซต์ของสาขาวิชาและหน้าห้องพัก
          -   อาจารย์ประจำรายวิชา  จัดเวลาให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มตามความต้องการ    1 ชั่วโมง/สัปดาห์ (เฉพาะรายที่ต้องการ)
            นักศึกษาต้องมีคุณธรรม จริยธรรมเพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างราบรื่น และประพฤติตนโดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม อาจารย์ที่สอนในแต่ละรายวิชา  ต้องส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมไปพร้อมกับวิทยาการต่าง ๆ ดังนี้
            1.1.1 มีจิตสำนึกสาธารณะและตระหนักในคุณค่าของคุณธรรม จริยธรรม
            1.1.2   มีจรรยาบรรณทางวิชาการและวิชาชีพ
            1.1.3   มีวินัย  ขยัน  อดทน ตรงต่อเวลา และความรับผิดชอบต่อตนเอง  สังคม และสิ่งแวดล้อม
            1.1.4   เคารพสิทธิในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
            นอกจากนั้น ยังมีการส่งเสริมสนับสนุนให้นักศึกษามีการพัฒนาจริยธรรมและจรรยาวิชาชีพผ่านทางการเรียนการสอนของรายวิชาในหลักสูตร ซึ่งอาจารย์ผู้สอนสามารถสอดแทรกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับจรรยาวิชาชีพ และสามารถจัดให้มีการวัดผลแบบมาตรฐานในด้านคุณธรรม จริยธรรมทุกภาคการศึกษา ด้วยการสังเกตพฤติกรรมระหว่างการทำกิจกรรม  และมีการกำหนดคะแนนในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมให้เป็นส่วนหนึ่งของคะแนนจิตพิสัยในชั้นเรียน นักศึกษาที่คะแนนความประพฤติไม่ผ่านเกณฑ์อาจต้องทำกิจกรรมเพื่อสังคมเพิ่มก่อนจบการศึกษา
            กำหนดให้มีวัฒนธรรมองค์กร เพื่อเป็นการปลูกฝังให้นักศึกษามีระเบียบวินัย โดยเน้นการเข้าชั้นเรียนให้ตรงเวลาตลอดจนการแต่งกายที่เป็นไปตามระเบียบของมหาวิทยาลัย นักศึกษาต้องมีความรับผิดชอบโดยในการทำงานกลุ่มนั้นต้องฝึกให้รู้หน้าที่ของการเป็นผู้นำกลุ่มและการเป็นสมาชิกกลุ่ม มีความซื่อสัตย์โดยต้องไม่กระทำการทุจริตในการสอบหรือลอกการบ้านของผู้อื่น เป็นต้น นอกจากนี้อาจารย์ผู้สอนทุกคนต้องสอดแทรกเรื่องคุณธรรม จริยธรรมในการสอนทุกรายวิชา รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม เช่น การยกย่องนักศึกษาที่ทำดี ทำประโยชน์แก่ส่วนรวม เสียสละ
            1.3.1   ประเมินจากการตรงเวลาของนักศึกษาในภาพเข้าชั้นเรียน การส่งงานตามกำหนดระยะเวลาที่มอบหมายและการร่วมกิจกรรม
            1.3.2   ประเมินจากการมีวินัยและพร้อมเพรียงของนักศึกษาในการเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตร
            1.3.3   ปริมาณการกระทำทุจริตในการสอบ
            1.3.4   ประเมินจากความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
            1.3.5   ประเมินจากคุณภาพของงานที่ได้รับมอบหมาย ที่สะท้อนถึงความตั้งใจ ความรับผิดชอบของนักศึกษา
             นักศึกษาต้องมีความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาสาระของรายวิชาที่ศึกษาซึ่งประกอบกันขึ้น           เป็นองค์ความรู้ที่จะพัฒนาความสามารถและทักษะอันเป็นสิ่งที่นักศึกษาต้องรู้และเข้าใจ ดังนั้นมาตรฐานความรู้ต้องครอบคลุมดังนี้
             2.1.1  มีความรู้และความเข้าใจทั้งด้านทฤษฎีและหลักการปฏิบัติในเนื้อหาที่ศึกษา
             2.1.2  สามารถติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีของสาขาวิชาที่ศึกษา
  2.1.3  สามารถบูรณาการความรู้ที่ศึกษากับความรู้ในศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  ใช้การเรียนการสอนในหลากหลายรูปแบบ โดยเน้นหลักการทางทฤษฎี และประยุกต์ทางปฎิบัติในสภาพแวดล้อมจริง โดยทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทั้งนี้ให้เป็นไปตามลักษณะของรายวิชาตลอดจนเนื้อหาสาระของรายวิชานั้นๆ นอกจากนี้ควรจัดให้มีการเรียนรู้จากสถานการณ์จริงโดยการศึกษาดูงานหรือเชิญผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงมาเป็นวิทยากรพิเศษเฉพาะเรื่อง ตลอดจนการฝึกปฏิบัติงานในสถานประกอบการ
  2.3.1   การทดสอบย่อย
  2.3.2   การสอบกลางภาคเรียนและปลายภาคเรียน
  2.3.3   ประเมินจากรายงานที่นักศึกษาจัดทำ
  2.3.4  ประเมินจากโครงการที่นำเสนอ
  2.3.5  ประเมินจากการนำเสนอรายงานในชั้นเรียน
  2.3.6  ประเมินจากรายวิชาปฎิบัติการสอนในสถานศึกษา
             นักศึกษาสามารถพัฒนาตนเองและประกอบวิชาชีพโดยพึ่งพาตนเองได้เมื่อจบการศึกษา ดังนั้นนักศึกษาต้องได้รับการพัฒนาทักษะทางปัญญาควบคู่กับคุณธรรมและจริยธรรมและความรู้ทางด้านวิชาชีพ โดยกระบวนการเรียนการสอนต้องเน้นให้นักศึกษารู้จักคิดหาเหตุผล  เข้าใจที่มาและสาเหตุของปัญหา  แนวคิดและวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยมีการสอนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติควบคู่กัน นักศึกษาที่ผ่านกระบวนการเรียนการสอนด้วยวิธีดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
             3.1.1  มีทักษะการปฏิบัติจากการประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้านวิชาการ และวิชาชีพ
            3.1.2  มีทักษะในการนำความรู้มาคิดและใช้อย่างเป็นระบบ
              ใช้การเรียนการสอนที่หลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  และการบูรณาการการเรียนการสอนกับการทำงาน (Work-Integrated Learning)  มุ่งเน้นให้นักศึกษารู้จักวิเคราะห์องค์ประกอบของสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้บทบาทสมมติสถานการณ์จำลอง และกรณีศึกษาของแต่ละสาขาวิชาชีพเพื่อเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาได้ฝึกวิเคราะห์แนวทางแก้ไขให้ถูกต้องและเน้นให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติจริง
  การวัดและประเมินใช้แนวข้อสอบที่ให้นักศึกษาได้อธิบายแนวคิดและวิธีการแก้ปัญหาโดยการประยุกต์ความรู้ที่เรียนมา หรือให้นักศึกษาเลือกใช้วิชาชีพที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำหนดให้ตามสภาพจริงจากผลงาน โครงงาน และการปฏิบัติของนักศึกษา เช่น
  3.3.1   บทบาทสมมติหรือสถานการณ์จำลอง
  3.3.2   การเลือกใช้วิธีการเพื่อแก้ใขปัญหาในบริบทต่าง ๆ
  3.3.3   การนำเสนอรายงานในชั้นเรียน
  3.3.4  การทดสอบโดยใช้แบบทดสอบหรือสัมภาษณ์
 นักศึกษาต้องออกไปประกอบอาชีพซึ่งส่วนใหญ่ต้องเกี่ยวข้องกับคนที่ไม่รู้จักมาก่อน คนที่มาจากสถาบันอื่น ๆ และคนที่จะมาเป็นผู้บังคับบัญชา หรือคนที่จะมาอยู่ใต้บังคับบัญชา ความสามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มคนต่างๆ เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นอาจารย์ต้องสอดแทรกวิธีการที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติต่าง ๆ  ต่อไปนี้ให้นักศึกษาระหว่างที่สอนวิชา หรืออาจให้นักศึกษาไปเรียนวิชาทางด้านสังคมศาสตร์ที่เกี่ยวกับคุณสมบัติต่าง ๆ นี้
 4.1.1   มีมนุษยสัมพันธ์และมารยาทสังคมที่ดี
 4.1.2   มีภาวะความเป็นผู้นำและผู้ตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 4.1.3   สามารถทำงานเป็นทีมและสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม
 4.1.4  สามารถใช้ความรู้ในศาสตร์มาช่วยเหลือสังคมในประเด็นที่เหมาะสม
 ใช้การสอนที่มีการกำหนดกิจกรรมให้มีการทำงานเป็นกลุ่ม การทำงานที่ต้องประสานงานกับผู้อื่นข้ามหลักสูตร หรือต้องค้นคว้าหาข้อมูลจากการสัมภาษณ์บุคคลอื่น หรือผู้มีประสบการณ์ โดยมีความคาดหวังในผลการเรียนรู้ดัานทักษะความสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคลและความสามารถในการรับผิดชอบ ดังนี้
 4.2.1   สามารถทำงานกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
 4.2.2   มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย
 4.2.3  สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และวัฒนธรรมองค์กรที่ไปปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี
 4.2.4  มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงานในองค์กรและกับบุคคลทั่วไป
 4.2.5  มีภาวะผู้นำ
 การวัดและประเมินผลทำได้โดยการสังเกตจากพฤติกรรมของนักศึกษาในการทำกิจกรรมกลุ่ม ทั้งในและนอกชั้นเรียน และผลสะท้อนกลับจากการฝึกประสบการณ์ต่าง ๆ เช่น
 4.3.1   พฤติกรรมและการแสดงออกของนักศึกษาในการนำเสนอรายงานกลุ่มในชั้นเรียน
 4.3.2   พฤติกรรมที่แสดงออกในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
 ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญในชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพ นักศึกษาต้องมีความรู้และมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน  การติดต่อสื่อสารและการพัฒนาตนเอง ดังนั้น นักศึกษาจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีไปพร้อมกับคุณธรรม จริยธรรมและความรู้เกี่ยวกับสาขาวิชาชีพ ด้วยเหตุนี้ ผู้สอนต้องใช้เทคโนโลยีในการสอนเพื่อฝึกให้นักศึกษามีคุณสมบัติ ดังนี้
 5.1.1   สามารถเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสม
 5.1.2   สามารถสืบค้น ศึกษา วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม
 5.1.3   สามารถใช้ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 ดำเนินการสอนด้วยกิจกรรมที่นักศึกษาต้องติดต่อสื่อสาร ค้นคว้าหาข้อมูล และนำเสนอผลจากการค้นคว้าโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข        การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนี้
 5.2.1   ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร
 5.2.2   ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการค้นคว้าหาข้อมูล
 5.2.3  ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการนำเสนอผลงาน
 5.2.4  ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับขนบธรรมเนียมปฏิบัติของสังคมแต่ละกลุ่ม
 การวัดและประเมินผลตามสภาพจริงจากผลงาน และการปฏิบัติของนักศึกษา ดังนี้
 5.3.1  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการติดต่อสื่อสาร
 5.3.2  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล
 5.3.3  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
 5.3.4  จรรยามารยาทในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และวัฒนธรรมสากล
 การทำงานในถานประกอบการ หรือการประกอบอาชีพอิสระนั้น ไม่ได้ใช้เพียงหลักทฤษฎี แต่ส่วนใหญ่จะเน้นในด้านทักษะทางการปฏิบัติ การใช้ทักษะในการวางแผน การออกแบบ การทดสอบ และการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งมีความสำคัญมากในการทำงาน อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่จำเป็นยิ่งในการพัฒนาตนเอง และความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ของบัณฑิตทางด้านครุศาสตร์อุตสาหกรรม ดังนั้น ในการเรียนการสอนจึงต้องให้ความสำคัญเน้นไปที่การสร้างทักษะการปฏิบัติงานทางด้านครุศาสตร์อุตสาหกรรม ดังข้อต่อไปนี้
 6.1.1  มีทักษะในการบริหารจัดการในด้านเวลา เครื่องมือ อุปกรณ์และวิธีการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 6.1.2  สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ ปฏิบัติตามรูปแบบการสอน ประยุกต์วิธีการสอนได้อย่างเหมาะสมกับเนื้อหาและสภาพของกลุ่มผู้เรียนได้เป็นอย่างเหมาะสม
 จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาต่าง ๆ ให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยใช้ความรู้จากวิชาต่าง ๆ ที่เรียนมา การวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย ดังข้อดังต่อไปนี้
  6.2.1  สร้างทักษะในการปฏิบัติงาน
  6.2.2  สาธิตการปฏิบัติการ โดยผู้เชี่ยวชาญ
  6.2.3  สนับสนุนการเข้าประกวดทักษะด้านการปฏิบัติ
  6.2.4  จัดนิทรรศการการแสดงผลงานของนักศึกษา
  6.2.5  สนับสนุนการทำโครงงาน
  6.2.6  การปฏิบัติประสบการณ์วิชาชีพครู
 การวัดและประเมินผลตามสภาพจริงจากผลงาน และการปฏิบัติของนักศึกษา ดังนี้
 6.3.1  มีการประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงาน
 6.3.2  มีการใช้งานวิจัยของอาจารย์ประกอบการเรียนการสอน
 6.3.3  มีการประเมินการทำงานในภาคปฏิบัติ
 6.3.4  มีการประเมินโครงงานนักศึกษา
 6.3.5  มีการประเมินนักศึกษาการปฏิบัติประสบการณ์วิชาชีพครู
แผนที่แสดงการกระจายความรับผิดชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสู่รายวิชา (Curriculum Mapping)
กลุ่มวิชา 1. ด้านคุณธรรม จริยธรรม 2. ด้านความรู้ 3. ด้านทักษะทางปัญญา 4. ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 5. ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 6. ด้านทักษะพิสัย
ลำดับ รหัสวิชา ชื่อวิชา 1.3 1.4 1.1 1.2 2.1 2.2 2.3 3.2 3.1 4.1 4.2 4.3 4.4 5.3 5.1 5.2 6.1 6.2
1 TEDEE208 สายส่งสัญญาณและโครงข่ายการสื่อสาร
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 2.1, 2.2, 5.1 สอบกลางภาค ทดสอบย่อย สอบปลายภาค 8 13 17 20% 20% 20%
2 2.1, 2.2, 3.1, 3.2, 4.3, 5.1, 6.1 การส่งการบ้านตามที่มอบหมาย การส่งงาน ตามที่มอบหมาย ตลอดภาคการศึกษา 20%
3 1.3, 4.3 การเข้าชั้นเรียน การมีส่วนร่วม อภิปราย เสนอความคิดเห็นในชั้นเรียน ตลอดภาคการศึกษา 10%
         1.  กิตติพัฒน์  ตันตระรุ่งโรจน์.  ทฤษฎีสายส่งไฟฟ้า.  กรุงเทพฯ :  บริษัทพิมพ์ดี จำกัด, 2541.
          2.  ถวิล  กิ่งทอง.  ทฤษฎีโครงข่ายไฟฟ้าและสายส่ง.  พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : สถาบันเทคโนโลยี
 พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, 2538.
          3.  ปรีชา  ทรัพย์สมบูรณ์.  สายส่งกำลัง.  กรุงเทพฯ : อักษรทองการพิมพ์, 2522.
          4.  พิชัย  ภักดีพานิชเจริญ.  ทฤษฎีและการใช้งานความถี่ย่านไมโครเวฟ.  กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์
ฟิสิกส์เซ็นเตอร์.
          5.  อาจณรงค์  ฐานสันโดษ.  สายส่งและการแพร่กระจายคลื่น.  ขอนแก่น : ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2529
          6.  David K. Cheng.  Field and wave Electromagnetics.  Second Edition.  New York :  Addison-wesley Publishing Company, 1999.
          7.  Dennis Roddy., and John Coolen.  Electronic Communications. Fourth Edition. New Jersey : Prentice-Hall Inc, 1995.
          8.  Fawwaz  T. Ulaby. Fundamentals  of Applied Electromagnetics . 2001 Media Edition.  New Jersey :  Prentice-Hall Inc,  2001.
          9.  Gary M. Miller. Modern Electronic Communication.  Sixth Edition.  New Jersey :  Prentice-Hall Inc, 1999.
          10.  John D. Kraus., and Daniel A. Fleisch.  Electromagnetics with Application.  Fifth Edition. Singapore : McGraw-Hill, 1999.
          11. John D. Kraus., and  Keith R. Carver. Electromagnetics.. Second Edition. Tokyo : McGraw-Hill, 1999.
          12.  Matthew N.O. Sadiku.  Element of Electromagnetic.  Third Edition.  New York : Oxford    University Press, Inc. 2001.
          13.  Nannapaneni Narayana Rao.  Elements of Engineering Electromagetics.  Second Edition. New Jersey : Prentice-Hall, Inc. 1987.
          14.  Reinhold Ludwig., and Pavel Bretchko.  RF Circuit Design. New Jersey : Prentice-Hall, Inc. 2002.
          15.  Wayne Tomasi. Electronic Communications System. Third Edition. New Jersey : Prentice-Hall, Inc. 1998.
ไม่มี
เว็บไซต์ ที่เกี่ยวกับหัวข้อในประมวลรายวิชา
การประเมินประสิทธิผลรายวิชานี้ ที่จัดทำโดยนักศึกษา ได้จัดกิจกรรมในการนำแนวคิดและความเห็นจากนักศึกษาได้ดังนี้

การสนทนากลุ่มระหว่างผู้สอนและผู้เรียน แบบประเมินผู้สอน และแบบประเมินรายวิชา
ในการเก็บข้อมูลเพื่อประเมินการสอน ได้มีกลยุทธ์  ดังนี้
2.1   การสังเกตการณ์สอนของผู้สอน
2.2   ผลการเรียนของนักศึกษา
2.3   การทวนสอบผลประเมินการเรียนรู้
หลังจากผลการประเมินการสอนในข้อ 2 จึงมีการปรับปรุงการสอน โดยหาข้อมูลเพิ่มเติมในการปรับปรุงการสอน  ดังนี้
3.1   สัมมนาการจัดการเรียนการสอน
3.2   การวิจัยในและนอกชั้นเรียน
ในระหว่างกระบวนการสอนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ในรายหัวข้อ ตามที่คาดหวังจากการเรียนรู้ในวิชา ได้จาก การสอบถามนักศึกษา หรือการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษา รวมถึงพิจารณาจากผลการทดสอบย่อย และหลังการออกผลการเรียนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์โดยรวมในวิชาได้ดังนี้
4.1  มีการตั้งคณะกรรมการในสาขาวิชา  ตรวจสอบผลการประเมินการเรียนรู้ของนักศึกษา โดยตรวจสอบข้อสอบ รายงาน วิธีการให้คะแนนสอบ และการให้คะแนนพฤติกรรม
4.2  การทวนสอบการให้คะแนนจากการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษาโดยอาจารย์อื่น หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ไม่ใช่อาจารย์ประจำหลักสูตร
จากผลการประเมิน และทวนสอบผลสัมฤทธิ์ประสิทธิผลรายวิชา  ได้มีการวางแผนการปรับปรุงการสอนและรายละเอียดวิชา  เพื่อให้เกิดคุณภาพมากขึ้น  ดังนี้
5.1   ปรับปรุงเทคนิควิธีการสอน เพื่อให้นักศึกษามีมุมมองในเรื่องการประยุกต์ความรู้ด้วยวิธีการต่าง ๆ
5.2   ปรับปรุงรายวิชาทุก 3 ปี หรือตามข้อเสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ตามข้อ 4