พืชสวนประดับ

Ornamental Horticulture

เมื่อนักศึกษาเรียนรายวิชานี้แล้ว นักศึกษามีสมรรถนะที่ต้องการในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 มีความรู้และทักษะปฏิบัติเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตพืชสวนประดับ อย่างครบวงจร สามารถกำหนดนิยามความหมาย ความสำคัญ การจัดจำแนก อธิบายลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชสวนประดับชนิดต่างๆ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชสวนประดับ อธิบายวิธีการขยาย พันธุ์ การปลูกและการปฏิบัติบำรุงรักษาพืชสวนประดับเพื่อการจำหน่าย การจำหน่ายพืชสวนประดับ 1.2 นำความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีการผลิตพืชสวนประดับ ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง 1.3 สามารถวิเคราะห์ตลาดพืชสวนประดับ และความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ได้ 1.4 มีเจตคติที่ดีต่อการประกอบวิชาชีพผู้ผลิตพืชสวนประดับและอาชีพที่เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน 1.5 มีทักษะปฏิบัติด้านการขยายพันธุ์ การปลูกและการบำรุงรักษาพืชสวนประดับ มีการฝึกทักษะอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจนเกิดความชำนาญ สามารถสาธิต ถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะปฏิบัติให้แก่ผู้ที่สนใจได้
เพื่อฝึกทักษะด้านการวิเคราะห์และปรับปรุงรูปแบบการนำเทคโนโลยีด้านการผลิตมาใช้ในการผลิตพืชสวนประดับ เพื่อการค้าและการจัดจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการเพิ่มพูนความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศและนำมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนการผลิตและการจัดจำหน่าย
ศึกษาและฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ของพืชสวนประดับ พฤกษศาสตร์ การจัดจำแนกพืชสวนประดับ พืชสวนประดับเพื่อการค้าวงศ์ต่างๆ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์และลักษณะทางสัณฐานวิทยาของพืชสวนประดับชนิดต่างๆ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชสวนประดับ การขยายพันธุ์ การปลูกและบำรุงรักษา การเตรียมพืชสวนประดับเพื่อจำหน่าย    
3.2 นักศึกษาขอคำปรึกษาและคำแนะนำได้ทาง e-mail; apiraya@rmutl.ac.th  เวลา 9.00 - 16.00 น. ทุกวัน
1.  ด้านคุณธรรม จริยธรรมที่ต้องพัฒนา(Ethics and Moral) š1.1 มีจิตสำนึกสาธารณะและตระหนักในคุณค่าของคุณธรรม จริยธรรม š1.2 มีจรรยาบรรณทางวิชาการหรือวิชาชีพ ˜1.3 มีวินัย ขยัน อดทน ตรงต่อเวลาและความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม š1.4 เคารพสิทธิในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
1.ทำการสอนแบบบรรยายเชิงอภิปราย  โดย      - สอดแทรกหรือยกตัวอย่างประกอบในขณะที่สอนเนื้อหา โดยสอดแทรกเรื่องคุณธรรม จริยธรรม การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม      -กำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ เช่น ให้เข้าห้องเรียนตรงเวลาและเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ 2.การสอนแบบ  Problem Based Learning        - ให้งานมอบหมายและกำหนดเวลาส่งงานมอบหมายตามเวลาที่กำหนด
ใช้วิธีการสังเกต จาก     - การเข้าเรียนตรงเวลา     - การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่อาจารย์ผู้สอนกำหนด    - ไม่ทุจริตในการสอบ    -ความมีวินัยต่อการเรียน ส่งงานที่ได้รับมอบหมายตามเวลาที่กำหนด
2.  ด้านความรู้ที่ต้องได้รับ(Knowledge) ˜2.1 มีความรู้และความเข้าใจทั้งด้านทฤษฎีและหลักการปฏิบัติในเนื้อหาที่ศึกษา ˜2.2 สามารถติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีของสาขาวิชาที่ศึกษา
1. กระบวนการสืบค้น (Inquiry Process)      - มอบหมายนักศึกษาไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมและจัดทำเป็นรายงานตลอดจนนำเสนอรายงานในชั้นเรียน 2. การสอนแบบบรรยาย 3. การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning) 4. การสอนในห้องปฏิบัติการ  
1. การนำเสนองาน        - ประเมินผลจากรายงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ข้อสอบอัตนัย         - ทดสอบโดยข้อเขียนในการสอบย่อย สอบกลางภาค และสอบปลายภาค 3. สังเกตการณ์มีส่วนร่วมในชั้นเรียนและการฝึกตีความ 4.คุณภาพงานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง 5. การเขียนบันทึกผลการปฏิบัติ
3.1 ทักษะทางปัญญา ที่ต้องพัฒนา
3.  ด้านทักษะทางปัญญาที่ต้องพัฒนา(Cognitive Skills) ˜3.1 มีทักษะปฏิบัติจากการประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้านวิชาการหรือวิชาชีพ š 3.2 มีทักษะในการนำความรู้มาคิดและใช้อย่างมีระบบ
1. การสอนแบบ  Problem Base Based Learning โดยให้ทำโครงงานพิเศษการขยายพันธุ์ การปลูกเลี้ยงและบำรุงรักษาพืชสวนประดับเพื่อการจำหน่าย กลุ่มละ 200 ต้น 2.การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning)    - ฝึกตอบปัญหาในชั้นเรียนและการแสดงความคิดเห็นต่อปัญหา 3. การสอนแบบกรณีศึกษา (Case Studies) - ฝึกให้วิเคราะห์ปัญหาจากกรณีศึกษาที่มีผู้ศึกษาไว้แล้ว โดยให้ไปค้นคว้าจากเอกสารต่าง ๆ รวมการค้นคว้าจากฐานข้อมูล
1. งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง - ประเมินผลจากผลสัมฤทธิ์ของโครงงานพิเศษ 2. สังเกตการณ์มีส่วนร่วมในชั้นเรียนและการฝึกวิเคราะห์ปัญหาและฝึกตีความ 3.คุณภาพงานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง 4. การประเมินตนเอง
4.  ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบที่ต้องพัฒนา(Interpersonal Skills and Responsibility) š4.1  มีมนุษย์สัมพันธ์และมารยาทสังคมที่ดี š4.2  มีภาวะความเป็นผู้นำและผู้ตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ˜4.3 สามารถทำงานเป็นทีมและสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม š4.4  สามารถใช้ความรู้ในศาสตร์มาช่วยเหลือสังคมในประเด็นที่เหมาะสม
1.การสอนแบบ  Brain  Storming Group 2.. การสอนแบบกรณีศึกษา (Case Studies)    -มอบหมายให้นักศึกษาทำงานเป็นกลุ่ม โดยให้นักศึกษาเป็นผู้แบ่งงานและกำหนดความรับผิดชอบของแต่ละคนในการทำงานกลุ่ม อย่างชัดเจน
1.การสังเกต 2.การประเมินตนเอง 3.การประเมินโดยเพื่อน
5.1 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ต้องพัฒนา
5.  ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร  และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ต้องพัฒนา (Numerical  Analysis, Communication and Information Technology Skills) ˜5.1 สามารถเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสม š5.2 สามารถสืบค้น ศึกษา วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่าง เหมาะสม ˜5.3 สามารถใช้ภาษาไทยหรือต่างประเทศในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. การสอนแบบ  Problem Base Based Learning โดยให้ทำโครงงานพิเศษแล้วจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ โดยกำหนดให้สืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และต้องค้นคว้าจากวารสารหรือฐานข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษอย่างน้อย 1 เรื่อง 2. แนะนำและสาธิตการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต 3. การนำเสนองานด้วยวาจาและ PowerPoint
การนำเสนองาน       ประเมินความเหมาะสมและถูกต้องของ         - สื่อที่ใช้         - เนื้อหาที่นำเสนอ           - ภาษาที่ใช้                      -การตอบคำถาม
6.1 ผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย
6. ด้านทักษะปฏิบัติ (Psychomotor Skill) (ถ้ามี) š6.1 สามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง š6.2สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำ š6.3สามารถปฏิบัติงานได้โดยอัตโนมัติเป็นธรรมชาติ
แผนที่แสดงการกระจายความรับผิดชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสู่รายวิชา (Curriculum Mapping)
กลุ่มวิชา 1. คุณธรรม จริยธรรม 2 ด้านความรู้ 3 ด้านทักษะทางปัญญา 4 ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 5 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 6 ทักษะพิสัย
ลำดับ รหัสวิชา ชื่อวิชา 1 มีคุณธรรมและจริยธรรม มีหลักคิดและแนวทางปฎิบัติทางส่งเสริมความดัและคุณค่าความเป็นมนุษย์ มีความรับผิดชอบ มีศีลธรรม ซื่อสัตย์สุจริตและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม 2 มีจรรยาบรรณ มีระเบียบวินัยและเคารพกฎกติกาของสังคม ประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพ 1 มีความรู้ในสาขาวิชาชีพที่เรียนได้อย่างถ่องแท้และมีระบบ ทั้งหลักการ ทฤาฎีและการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ทันสมัยในสาขาวิชาที่เกียวข้อง 2 มีความรอบรู้ในหลายสาขาวิชาและสามารถประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม 1 สามารถคิดวิเคราะห์งานงานเป็นระบบ อย่างมีเหตุผลและคิดแบบองค์รวม 2 สามารถคิดริเริ่มสร้างสรรค์จากพื้นฐานของความรู้ที่เรียน นำมาพัฒนานานวัตกรรมหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ 3 ใฝ่รู้และรู้จักวิธีการเรียนรู้ หมายถึง แสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆอย่างสม่าเสมอและรู้จักเทคนิควิธีและกระบวนการในการเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสม 1 ภาวะผู้นำ กล้สแสดงออก อดทน หนักแน่น รู้จักเสียสละ ให้อภัย และรับฟังความเห็นของผุ้อื่น สุภาพ สามารถประสานความคิดปละประโยชน์ด้วยหลักแห่งเหตุผล และความถูกต้อง มีความซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม รักองด์กร เป็นผู้นำกลุ่มกิจกรรมได้ทุกระดับและสถานการณ์มี่เหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนเอง 2 มีจิตอาสาและสำนึกสาธารณะ มีความห่วงใยต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสาธารณสมบัติ มีจิตอาสา ไม่ดูดาย มุ่งทำประโยชน์ให้สังคม 1 มีทักษะการสื่อสารในการใช้ภาษาไทย ทั้งการฟัง พุด อ่าน และเขียน เพื่อการสื่อสารให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และการใช้ภาษาอังกฤษ ในการพูด ฟัง อ่าน และเขียน 2 มีทักษะทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการสื่อสารและค้นคว้าข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1 ทักษะทางวิชาชีพ หมายถึงมีทักษะและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพ(พืชศาสตร์/สัตว์ศาสตร์/ประมง) สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบโดยประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรียนมาพัฒนา และพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ทางวิชาชีพ
1 BSCAG152 พืชสวนประดับ
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 1.2, 3.1, 4.2 การเข้าชั้นเรียน การส่งรายงานตรงเวลา การแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน ตลอดภาคการศึกษา 5%
2 2.1, 3.1, 4.2, 5.2 การทดสอบย่อย ตลอดภาคการศึกษา 5%
3 2.1, 3.1, 4.2, 5.2 การสอบกลางภาค 9 25%
4 2.1, 3.1, 4.2, 5.2 การสอบปลายภาค 17 25%
5 1.2, 2.1, 3.1, 4.2,5.2 บทปฏิบัติการ ตลอดภคการศึกษา 40%
กรมส่งเสริมการเกษตร. 2556.องค์ความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต..สู่การเป็น smart officer : ไม้ดอกไม้         ประดับ. แหล่งข้อมูล  http://agrimedia.agritech.doae.go.th/book/book-handbook/10                pdf. กิตติ มุลาลินน์. 2537.  พืชสวนประดับ:เอกสารประกอบการสอน วิชา 03-132-202 พืชสวน             (Ornamental  horticulture ) ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์บางพระ สถาบัน              เทคโนโลยีราชมงคล, สุรินทร์. 163  หน้า. ปิฏฐะ บุนนาค. 2529. ไม้ดอกไม้ประดับ. พิมพ์ครั้งที่ 5 .กรุงเทพฯ : บรรณกิจ, 383 หน้า.
งานส่งเสริมและเผยแพร่และงานวิชาการ . 2537. คู่มือไม้ดอกไม้ประดับ . ฝ่ายวิชาการเกษตร กอง            สวนสาธารณะสำนักสวัสดิการสังคม กรุงเทพมหานคร  กรุงเทพฯ . โชติอนันต์ และคณะ. 2552.  คุณประโยชน์มากหลาย ไม้ดอกไม้ประดับเมืองไทย.กรุงเทพฯ : ดวงกมล             พับลิชชิ่ง. 294 หน้า ณรงค์ โฉมเฉลา (บรรณาธิการ). 2534.    เทคโนโลยีการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ.   กรุงเทพฯ : สมาคมไม้              ประดับแห่งประเทศไทย, 193 หน้า. ดนัย บุณยเกียรติ และคณะ. 2546. คู่มือมาตรฐานคุณภาพไม้ดอกไม้ประดับโครงการหลวง.เชียงใหม่] :             สำนักพัฒนาเกษตรที่สูง : มูลนิธิโครงการหลวง.. 82 หน้า. พิสมัย ชวลิตวงษ์พร. 2538. แมลงศัตรูไม้ดอกไม้ประดับของประเทศไทย : เอกสารวิชาการประจำปี 2538.             กรุงเทพฯ]: กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 148 หน้า. ไพฑูรย์ กิจเภาสงค์ . 2528.  การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ  ขอนแก่น : ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์              มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 119 หน้า. มุกดา สุขสวัสดิ์. 2547. วัสดุปลูกไม้ดอกไม้ประดับ. กรุงเทพฯ : บ้านและสวน. 204 หน้า . รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์. 2548. ไม้ดอกไม้ประดับ. กรุงเทพฯ : ประสานมิตร.132 หน้า. วาลุลี โรจนวงศ์. 2525.  การศึกษาศัตรูที่สำคัญบางชนิดของไม้ดอกไม้ประดับและการป้องกันกำจัด.              กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.4 หน้า. วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม.2542. พจนานุกรมไม้ดอกไม้ประดับในเมืองไทย.กรุงเทพฯ : รวมสาส์น  พิมพ์ครั้งที่ 4             981  หน้า สุนทร ปุณโณทก. 2522. ไม้ดอกไม้ประดับและการตกแต่งสถานที่. กรุงเทพฯ : ภาษิต,  262 หน้า. สมสุข มัจฉาชีพ และ อุดมลักษณ์ มัจฉาชีพ. 2536. ไม้ดอกไม้ประดับ. กรุงเทพฯ : แพร่พิทยา. 215 หน้า อดิศร กระแสชัย. 2539. ปัจจัยเพื่อการสนับสนุนระบบการผลิตไม้ตัดดอกและไม้ประดับเป็นการค้าของ          ประเทศไทย เชียงใหม่ : ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,  131 หน้า. อทิพัฒน์ บุญเพิ่มราศรี . 2552. หลากหลายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเพื่อการจัดสวน ณ สวนวิชา จ.ระยอง.          เคหการเกษตร. 33(8): 192-195. โอฬาร พิทักษ์, ภาวนา อัศวะประภา, เศรษฐพงศ์ เลขะวัฒนะ,ทวีพงศ์ สุวรรณโร และ อภิชาติ สุวรรณ.           2539.การผลิตไม้ดอกไม้ประดับเชิงอุตสาหกรรม. กรุงเทพฯ. 153 หน้า.
าวเกษตรประจำวัน. 2551.   วช.วิจัยไม้ดอกไม้ประดับรับส่งออก . แหล่งข้อมูล             http://www.phtnet.org/news51 /view-news.asp?nID=461 โครงการฐานข้อมูลการนำเข้าและความนิยมไม้ดอกและไม้ประดับไทยในญี่ปุ่น งบรายจ่ายอื่น งบประมาณ           ประจำปี พ.ศ. 2551. แหล่งข้อมูล                http://www.thaiceotokyo.jp/th/index.php?option=com_content&view= article&id               =346:2009-06-26-08- 07-20&catid=58:2008-12-04-06-09-49&Itemid=182  จตุรพร รักษ์งาร.  การผลิตไม้ดอกไม้ประดับโดยผ่านสถานเพาะชำ. เอกสารประกอบการสอนของคณะ            เกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ภาควิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร            มหาวิทยาลัยนเรศวร .            แหล่งข้อมูล. http://www.agi.nu.ac.th/webnewasp/ereading/jaturaporn/learn04.pdf ชมรมพัฒนาไม้ดอกไม้ประดับ. 2539. การขยายพันธุ์พืช. กรุงเทพฯ : เจเนอรัลบุ๊คส์.95 หน้า. ดิน  ก้อนเดิม. 2551. การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ. ไม้ดอกไม้ประดับ. 7(97): 62-65       นิรนาม. มปป. เทคโนโลยีการผลิตไม้ดอก. แหล่งข้อมูล webindex.chaonet.com/link.php?n                  =9798       นิรนาม. มปป. ธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับ. แหล่งข้อมูลlearn.pbru.ac.th/mod/resource/ view.php?id                   =1524 นิรนาม. 2556. สถานการณ์ไม้ดอกไม้ประดับไทย ปี 2556. แหล่งข้อมูล www.kehakaset.com        /index.php/9-uncategorised/1097-2556                                                                                   ภูเรือ.. แหล่งผลิตไม้ดอกไม้ประดับสำคัญของประเทศ. แหล่งข้อมูลhttp://www. loeidee.com/      index.php?lay = show&ac=article&Id=5351095   รุ่งนภา ก่อประดิษฐ์สกุล, ชวนพิศ อรุณรังสิกุล และ ชัยณรงค์ รัตนกรีฑากุล. 2549. ระบบควบคุมคุณภาพ            ผลผลิตทางการเกษตร ThaiGAP และ EUREPGAP : ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับผักและผลไม้ ไม้            ดอกไม้ประดับ.นครปฐม : กลุ่มเครือข่าย GAP ภาคตะวันตก / หน่วยธุรกิจทดลองระบบผลิต            มาตรฐาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 96 หน้า. รัฐศักดิ์ พลสิงห์. 2552. คลอง 15 – ถนนสายไม้ดอกไม้ประดับใหญ่ที่สุดในประเทศไทย.กสิกร 82(2) : 94-  100 สุธานิธิ์ ยุกตะนันทน์  อุไร จิรมงคลการ และวชิรพงศ์ หวลบุตตา. 2538. ไม้ดอกแสนสวย : ไม้ดอกไม้           ประดับ.กรุงเทพฯ : บ้านและสวน. 151 หน้า. สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ. 2554. เจาะตลาดไม้ดอกไทยในต่างแดน อินโดฯ            ตลาดใหญ่ทีไม่ควรมองข้าม. แหล่งข้อมูล http://www.acfs.go.th/read_ news.php?id             =7360&ntype=09 หน่วยวิจัยธุรกิจการเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์.2541. รายงานวิจัยโครงการศึกษาสินค้ายุทธศาสตร์ : ไม้             ดอกไม้ประดับ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.กรุงเทพฯ. 284 หน้า.
ให้นักศึกษาทุกคนประเมินประสิทธิผลของรายวิชา ทั้งด้านวิธีการสอน การจัดกิจกรรมในและห้องนอกเรียน สิ่งสนับสนุนการเรียนการสอน ที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ที่ได้รับ ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงรายวิชา ด้วยระบบเครือข่ายของมหาวิทยาลัยฯลฯ
ประเมินโดยสาขาวิชาแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน หรือจากการสังเกตการสอนโดยอาจารย์  ในสาขาวิชา หรือ การสัมภาษณ์ตัวแทนนักศึกษา
สาขาวิชากำหนดให้อาจารย์ผู้สอนทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์และวิธีการสอนจากผลการประเมินประสิทธิภาพของรายวิชา แล้วจัดทำรายงานรายวิชาตามรายละเอียดที่ สกอ.กำหนดเมื่อสอนจบภาคการศึกษา นอกจากนี้สาขาวิชากำหนดให้อาจารย์ผู้สอนเข้ารับการฝึกอบรมกลยุทธ์การสอนหรือการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน  และมีการประชุมอาจารย์ทั้งสาขาวิชาเพื่อหารือปัญหาการเรียนรู้ของนักศึกษาและร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
สาขาวิชามีคณะกรรมการประเมินการสอนทำหน้าที่ทวนสอบผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาในรายวิชา โดยการสุ่มประเมินข้อสอบและความเหมาะสมของการให้คะแนน ทั้งคะแนนดิบและระดับคะแนน ของ รายวิชา 60% ของรายวิชาทั้งหมดในความรับผิดชอบของสาขาวิชา ภายในรอบเวลาหลักสูตร
าขาวิชามีระบบการทบทวนประสิทธิผลของรายวิชา โดนพิจารณาจากผลการประเมินการสอนโดยนักศึกษา ผลการประเมินโดยคณะกรรมการประเมินการสอนของภาควิชา การรายงานรายวิชาโดย อาจารย์ผู้สอน หลังการทบทวนประสิทธิผลของรายวิชา อาจารย์ผู้สอนรับผิดชอบในการทบทวนเนื้อหา ที่สอนและกลยุทธ์การสอนที่ใช้ และนำเสนอแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาในรายงานผลการ ดำเนินการของรายวิชา เสนอต่อหัวหน้าสาขาวิชา เพื่อนำเข้าที่ประชุมอาจารย์ประจำหลักสูตรพิจารณา ให้ความคิดเห็นและสรุปวางแผนพัฒนาปรับปรุงสำหรับใช้ในปีการศึกษาถัดไป