พืชสวนประดับ
Ornamental Horticulture
เมื่อนักศึกษาเรียนรายวิชานี้แล้ว นักศึกษามีสมรรถนะที่ต้องการในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1.1 มีความรู้และทักษะปฏิบัติเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตพืชสวนประดับ อย่างครบวงจร สามารถกำหนดนิยามความหมาย ความสำคัญ การจัดจำแนก อธิบายลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชสวนประดับชนิดต่างๆ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชสวนประดับ อธิบายวิธีการขยาย พันธุ์ การปลูกและการปฏิบัติบำรุงรักษาพืชสวนประดับเพื่อการจำหน่าย การจำหน่ายพืชสวนประดับ
1.2 นำความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีการผลิตพืชสวนประดับ ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง
1.3 สามารถวิเคราะห์ตลาดพืชสวนประดับ และความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ได้
1.4 มีเจตคติที่ดีต่อการประกอบวิชาชีพผู้ผลิตพืชสวนประดับและอาชีพที่เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน
1.5 มีทักษะปฏิบัติด้านการขยายพันธุ์ การปลูกและการบำรุงรักษาพืชสวนประดับ มีการฝึกทักษะอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจนเกิดความชำนาญ สามารถสาธิต ถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะปฏิบัติให้แก่ผู้ที่สนใจได้
เพื่อฝึกทักษะด้านการวิเคราะห์และปรับปรุงรูปแบบการนำเทคโนโลยีด้านการผลิตมาใช้ในการผลิตพืชสวนประดับ เพื่อการค้าและการจัดจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการเพิ่มพูนความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศและนำมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนการผลิตและการจัดจำหน่าย
ศึกษาและฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ของพืชสวนประดับ พฤกษศาสตร์ การจัดจำแนกพืชสวนประดับ พืชสวนประดับเพื่อการค้าวงศ์ต่างๆ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์และลักษณะทางสัณฐานวิทยาของพืชสวนประดับชนิดต่างๆ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชสวนประดับ การขยายพันธุ์ การปลูกและบำรุงรักษา การเตรียมพืชสวนประดับเพื่อจำหน่าย
3.2 นักศึกษาขอคำปรึกษาและคำแนะนำได้ทาง e-mail; apiraya@rmutl.ac.th เวลา 9.00 - 16.00 น. ทุกวัน
1. ด้านคุณธรรม จริยธรรมที่ต้องพัฒนา(Ethics and Moral)
1.1 มีจิตสำนึกสาธารณะและตระหนักในคุณค่าของคุณธรรม จริยธรรม
1.2 มีจรรยาบรรณทางวิชาการหรือวิชาชีพ
1.3 มีวินัย ขยัน อดทน ตรงต่อเวลาและความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม
1.4 เคารพสิทธิในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
1.ทำการสอนแบบบรรยายเชิงอภิปราย โดย
- สอดแทรกหรือยกตัวอย่างประกอบในขณะที่สอนเนื้อหา โดยสอดแทรกเรื่องคุณธรรม จริยธรรม การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
-กำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ เช่น ให้เข้าห้องเรียนตรงเวลาและเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ
2.การสอนแบบ Problem Based Learning
- ให้งานมอบหมายและกำหนดเวลาส่งงานมอบหมายตามเวลาที่กำหนด
ใช้วิธีการสังเกต จาก
- การเข้าเรียนตรงเวลา
- การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่อาจารย์ผู้สอนกำหนด
- ไม่ทุจริตในการสอบ
-ความมีวินัยต่อการเรียน ส่งงานที่ได้รับมอบหมายตามเวลาที่กำหนด
2. ด้านความรู้ที่ต้องได้รับ(Knowledge)
2.1 มีความรู้และความเข้าใจทั้งด้านทฤษฎีและหลักการปฏิบัติในเนื้อหาที่ศึกษา
2.2 สามารถติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีของสาขาวิชาที่ศึกษา
1. กระบวนการสืบค้น (Inquiry Process)
- มอบหมายนักศึกษาไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมและจัดทำเป็นรายงานตลอดจนนำเสนอรายงานในชั้นเรียน
2. การสอนแบบบรรยาย
3. การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning)
4. การสอนในห้องปฏิบัติการ
1. การนำเสนองาน
- ประเมินผลจากรายงานที่ได้รับมอบหมาย
2. ข้อสอบอัตนัย
- ทดสอบโดยข้อเขียนในการสอบย่อย สอบกลางภาค และสอบปลายภาค
3. สังเกตการณ์มีส่วนร่วมในชั้นเรียนและการฝึกตีความ
4.คุณภาพงานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
5. การเขียนบันทึกผลการปฏิบัติ
3.1 ทักษะทางปัญญา ที่ต้องพัฒนา
3. ด้านทักษะทางปัญญาที่ต้องพัฒนา(Cognitive Skills) 3.1 มีทักษะปฏิบัติจากการประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้านวิชาการหรือวิชาชีพ 3.2 มีทักษะในการนำความรู้มาคิดและใช้อย่างมีระบบ
3. ด้านทักษะทางปัญญาที่ต้องพัฒนา(Cognitive Skills) 3.1 มีทักษะปฏิบัติจากการประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้านวิชาการหรือวิชาชีพ 3.2 มีทักษะในการนำความรู้มาคิดและใช้อย่างมีระบบ
1. การสอนแบบ Problem Base Based Learning โดยให้ทำโครงงานพิเศษการขยายพันธุ์ การปลูกเลี้ยงและบำรุงรักษาพืชสวนประดับเพื่อการจำหน่าย กลุ่มละ 200 ต้น
2.การสอนแบบการตั้งคำถาม (Questioning)
- ฝึกตอบปัญหาในชั้นเรียนและการแสดงความคิดเห็นต่อปัญหา
3. การสอนแบบกรณีศึกษา (Case Studies)
- ฝึกให้วิเคราะห์ปัญหาจากกรณีศึกษาที่มีผู้ศึกษาไว้แล้ว โดยให้ไปค้นคว้าจากเอกสารต่าง ๆ รวมการค้นคว้าจากฐานข้อมูล
1. งานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
- ประเมินผลจากผลสัมฤทธิ์ของโครงงานพิเศษ
2. สังเกตการณ์มีส่วนร่วมในชั้นเรียนและการฝึกวิเคราะห์ปัญหาและฝึกตีความ
3.คุณภาพงานที่ให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
4. การประเมินตนเอง
4. ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบที่ต้องพัฒนา(Interpersonal Skills and Responsibility)
4.1 มีมนุษย์สัมพันธ์และมารยาทสังคมที่ดี
4.2 มีภาวะความเป็นผู้นำและผู้ตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.3 สามารถทำงานเป็นทีมและสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม
4.4 สามารถใช้ความรู้ในศาสตร์มาช่วยเหลือสังคมในประเด็นที่เหมาะสม
1.การสอนแบบ Brain Storming Group
2.. การสอนแบบกรณีศึกษา (Case Studies)
-มอบหมายให้นักศึกษาทำงานเป็นกลุ่ม โดยให้นักศึกษาเป็นผู้แบ่งงานและกำหนดความรับผิดชอบของแต่ละคนในการทำงานกลุ่ม อย่างชัดเจน
1.การสังเกต
2.การประเมินตนเอง
3.การประเมินโดยเพื่อน
5.1 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ต้องพัฒนา
5. ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ต้องพัฒนา (Numerical Analysis, Communication and Information Technology Skills) 5.1 สามารถเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสม 5.2 สามารถสืบค้น ศึกษา วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่าง เหมาะสม 5.3 สามารถใช้ภาษาไทยหรือต่างประเทศในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ต้องพัฒนา (Numerical Analysis, Communication and Information Technology Skills) 5.1 สามารถเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสม 5.2 สามารถสืบค้น ศึกษา วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่าง เหมาะสม 5.3 สามารถใช้ภาษาไทยหรือต่างประเทศในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. การสอนแบบ Problem Base Based Learning โดยให้ทำโครงงานพิเศษแล้วจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
โดยกำหนดให้สืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และต้องค้นคว้าจากวารสารหรือฐานข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษอย่างน้อย 1 เรื่อง
2. แนะนำและสาธิตการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
3. การนำเสนองานด้วยวาจาและ PowerPoint
การนำเสนองาน
ประเมินความเหมาะสมและถูกต้องของ
- สื่อที่ใช้
- เนื้อหาที่นำเสนอ
- ภาษาที่ใช้
-การตอบคำถาม
6.1 ผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย
6. ด้านทักษะปฏิบัติ (Psychomotor Skill) (ถ้ามี) 6.1 สามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง 6.2สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำ 6.3สามารถปฏิบัติงานได้โดยอัตโนมัติเป็นธรรมชาติ
6. ด้านทักษะปฏิบัติ (Psychomotor Skill) (ถ้ามี) 6.1 สามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง 6.2สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำ 6.3สามารถปฏิบัติงานได้โดยอัตโนมัติเป็นธรรมชาติ
แผนที่แสดงการกระจายความรับผิดชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสู่รายวิชา (Curriculum Mapping)
กลุ่มวิชา | 1. คุณธรรม จริยธรรม | 2 ด้านความรู้ | 3 ด้านทักษะทางปัญญา | 4 ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ | 5 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ | 6 ทักษะพิสัย | ||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลำดับ | รหัสวิชา | ชื่อวิชา | 1 มีคุณธรรมและจริยธรรม มีหลักคิดและแนวทางปฎิบัติทางส่งเสริมความดัและคุณค่าความเป็นมนุษย์ มีความรับผิดชอบ มีศีลธรรม ซื่อสัตย์สุจริตและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม | 2 มีจรรยาบรรณ มีระเบียบวินัยและเคารพกฎกติกาของสังคม ประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพ | 1 มีความรู้ในสาขาวิชาชีพที่เรียนได้อย่างถ่องแท้และมีระบบ ทั้งหลักการ ทฤาฎีและการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ทันสมัยในสาขาวิชาที่เกียวข้อง | 2 มีความรอบรู้ในหลายสาขาวิชาและสามารถประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม | 1 สามารถคิดวิเคราะห์งานงานเป็นระบบ อย่างมีเหตุผลและคิดแบบองค์รวม | 2 สามารถคิดริเริ่มสร้างสรรค์จากพื้นฐานของความรู้ที่เรียน นำมาพัฒนานานวัตกรรมหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ | 3 ใฝ่รู้และรู้จักวิธีการเรียนรู้ หมายถึง แสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆอย่างสม่าเสมอและรู้จักเทคนิควิธีและกระบวนการในการเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสม | 1 ภาวะผู้นำ กล้สแสดงออก อดทน หนักแน่น รู้จักเสียสละ ให้อภัย และรับฟังความเห็นของผุ้อื่น สุภาพ สามารถประสานความคิดปละประโยชน์ด้วยหลักแห่งเหตุผล และความถูกต้อง มีความซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม รักองด์กร เป็นผู้นำกลุ่มกิจกรรมได้ทุกระดับและสถานการณ์มี่เหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนเอง | 2 มีจิตอาสาและสำนึกสาธารณะ มีความห่วงใยต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสาธารณสมบัติ มีจิตอาสา ไม่ดูดาย มุ่งทำประโยชน์ให้สังคม | 1 มีทักษะการสื่อสารในการใช้ภาษาไทย ทั้งการฟัง พุด อ่าน และเขียน เพื่อการสื่อสารให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และการใช้ภาษาอังกฤษ ในการพูด ฟัง อ่าน และเขียน | 2 มีทักษะทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการสื่อสารและค้นคว้าข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ | 1 ทักษะทางวิชาชีพ หมายถึงมีทักษะและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพ(พืชศาสตร์/สัตว์ศาสตร์/ประมง) สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบโดยประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรียนมาพัฒนา และพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ทางวิชาชีพ |
1 | BSCAG152 | พืชสวนประดับ |
กิจกรรมที่ | ผลการเรียนรู้ * | วิธีการประเมินผลนักศึกษา | สัปดาห์ที่ประเมิน | สัดส่วนของการประเมินผล |
---|---|---|---|---|
1 | 1.2, 3.1, 4.2 | การเข้าชั้นเรียน การส่งรายงานตรงเวลา การแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน | ตลอดภาคการศึกษา | 5% |
2 | 2.1, 3.1, 4.2, 5.2 | การทดสอบย่อย | ตลอดภาคการศึกษา | 5% |
3 | 2.1, 3.1, 4.2, 5.2 | การสอบกลางภาค | 9 | 25% |
4 | 2.1, 3.1, 4.2, 5.2 | การสอบปลายภาค | 17 | 25% |
5 | 1.2, 2.1, 3.1, 4.2,5.2 | บทปฏิบัติการ | ตลอดภคการศึกษา | 40% |
กรมส่งเสริมการเกษตร. 2556.องค์ความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต..สู่การเป็น smart officer : ไม้ดอกไม้
ประดับ. แหล่งข้อมูล http://agrimedia.agritech.doae.go.th/book/book-handbook/10
pdf.
กิตติ มุลาลินน์. 2537. พืชสวนประดับ:เอกสารประกอบการสอน วิชา 03-132-202 พืชสวน
(Ornamental horticulture ) ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์บางพระ สถาบัน
เทคโนโลยีราชมงคล, สุรินทร์. 163 หน้า.
ปิฏฐะ บุนนาค. 2529. ไม้ดอกไม้ประดับ. พิมพ์ครั้งที่ 5 .กรุงเทพฯ : บรรณกิจ, 383 หน้า.
งานส่งเสริมและเผยแพร่และงานวิชาการ . 2537. คู่มือไม้ดอกไม้ประดับ . ฝ่ายวิชาการเกษตร กอง
สวนสาธารณะสำนักสวัสดิการสังคม กรุงเทพมหานคร กรุงเทพฯ .
โชติอนันต์ และคณะ. 2552. คุณประโยชน์มากหลาย ไม้ดอกไม้ประดับเมืองไทย.กรุงเทพฯ : ดวงกมล
พับลิชชิ่ง. 294 หน้า
ณรงค์ โฉมเฉลา (บรรณาธิการ). 2534. เทคโนโลยีการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ. กรุงเทพฯ : สมาคมไม้
ประดับแห่งประเทศไทย, 193 หน้า.
ดนัย บุณยเกียรติ และคณะ. 2546. คู่มือมาตรฐานคุณภาพไม้ดอกไม้ประดับโครงการหลวง.เชียงใหม่] :
สำนักพัฒนาเกษตรที่สูง : มูลนิธิโครงการหลวง.. 82 หน้า.
พิสมัย ชวลิตวงษ์พร. 2538. แมลงศัตรูไม้ดอกไม้ประดับของประเทศไทย : เอกสารวิชาการประจำปี 2538.
กรุงเทพฯ]: กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 148 หน้า.
ไพฑูรย์ กิจเภาสงค์ . 2528. การผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ขอนแก่น : ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 119 หน้า.
มุกดา สุขสวัสดิ์. 2547. วัสดุปลูกไม้ดอกไม้ประดับ. กรุงเทพฯ : บ้านและสวน. 204 หน้า .
รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์. 2548. ไม้ดอกไม้ประดับ. กรุงเทพฯ : ประสานมิตร.132 หน้า.
วาลุลี โรจนวงศ์. 2525. การศึกษาศัตรูที่สำคัญบางชนิดของไม้ดอกไม้ประดับและการป้องกันกำจัด.
กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.4 หน้า.
วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม.2542. พจนานุกรมไม้ดอกไม้ประดับในเมืองไทย.กรุงเทพฯ : รวมสาส์น พิมพ์ครั้งที่ 4
981 หน้า
สุนทร ปุณโณทก. 2522. ไม้ดอกไม้ประดับและการตกแต่งสถานที่. กรุงเทพฯ : ภาษิต, 262 หน้า.
สมสุข มัจฉาชีพ และ อุดมลักษณ์ มัจฉาชีพ. 2536. ไม้ดอกไม้ประดับ. กรุงเทพฯ : แพร่พิทยา. 215 หน้า
อดิศร กระแสชัย. 2539. ปัจจัยเพื่อการสนับสนุนระบบการผลิตไม้ตัดดอกและไม้ประดับเป็นการค้าของ
ประเทศไทย เชียงใหม่ : ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 131 หน้า.
อทิพัฒน์ บุญเพิ่มราศรี . 2552. หลากหลายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเพื่อการจัดสวน ณ สวนวิชา จ.ระยอง.
เคหการเกษตร. 33(8): 192-195.
โอฬาร พิทักษ์, ภาวนา อัศวะประภา, เศรษฐพงศ์ เลขะวัฒนะ,ทวีพงศ์ สุวรรณโร และ อภิชาติ สุวรรณ.
2539.การผลิตไม้ดอกไม้ประดับเชิงอุตสาหกรรม. กรุงเทพฯ. 153 หน้า.
าวเกษตรประจำวัน. 2551. วช.วิจัยไม้ดอกไม้ประดับรับส่งออก . แหล่งข้อมูล
http://www.phtnet.org/news51 /view-news.asp?nID=461
โครงการฐานข้อมูลการนำเข้าและความนิยมไม้ดอกและไม้ประดับไทยในญี่ปุ่น งบรายจ่ายอื่น งบประมาณ
ประจำปี พ.ศ. 2551. แหล่งข้อมูล
http://www.thaiceotokyo.jp/th/index.php?option=com_content&view= article&id
=346:2009-06-26-08- 07-20&catid=58:2008-12-04-06-09-49&Itemid=182
จตุรพร รักษ์งาร. การผลิตไม้ดอกไม้ประดับโดยผ่านสถานเพาะชำ. เอกสารประกอบการสอนของคณะ
เกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาควิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร
มหาวิทยาลัยนเรศวร .
แหล่งข้อมูล. http://www.agi.nu.ac.th/webnewasp/ereading/jaturaporn/learn04.pdf
ชมรมพัฒนาไม้ดอกไม้ประดับ. 2539. การขยายพันธุ์พืช. กรุงเทพฯ : เจเนอรัลบุ๊คส์.95 หน้า.
ดิน ก้อนเดิม. 2551. การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ. ไม้ดอกไม้ประดับ. 7(97): 62-65
นิรนาม. มปป. เทคโนโลยีการผลิตไม้ดอก. แหล่งข้อมูล webindex.chaonet.com/link.php?n
=9798
นิรนาม. มปป. ธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับ. แหล่งข้อมูลlearn.pbru.ac.th/mod/resource/ view.php?id
=1524
นิรนาม. 2556. สถานการณ์ไม้ดอกไม้ประดับไทย ปี 2556. แหล่งข้อมูล www.kehakaset.com /index.php/9-uncategorised/1097-2556 ภูเรือ.. แหล่งผลิตไม้ดอกไม้ประดับสำคัญของประเทศ. แหล่งข้อมูลhttp://www. loeidee.com/ index.php?lay = show&ac=article&Id=5351095
รุ่งนภา ก่อประดิษฐ์สกุล, ชวนพิศ อรุณรังสิกุล และ ชัยณรงค์ รัตนกรีฑากุล. 2549. ระบบควบคุมคุณภาพ
ผลผลิตทางการเกษตร ThaiGAP และ EUREPGAP : ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับผักและผลไม้ ไม้
ดอกไม้ประดับ.นครปฐม : กลุ่มเครือข่าย GAP ภาคตะวันตก / หน่วยธุรกิจทดลองระบบผลิต
มาตรฐาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 96 หน้า.
รัฐศักดิ์ พลสิงห์. 2552. คลอง 15 – ถนนสายไม้ดอกไม้ประดับใหญ่ที่สุดในประเทศไทย.กสิกร 82(2) : 94- 100
สุธานิธิ์ ยุกตะนันทน์ อุไร จิรมงคลการ และวชิรพงศ์ หวลบุตตา. 2538. ไม้ดอกแสนสวย : ไม้ดอกไม้
ประดับ.กรุงเทพฯ : บ้านและสวน. 151 หน้า.
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ. 2554. เจาะตลาดไม้ดอกไทยในต่างแดน อินโดฯ
ตลาดใหญ่ทีไม่ควรมองข้าม. แหล่งข้อมูล http://www.acfs.go.th/read_ news.php?id
=7360&ntype=09
หน่วยวิจัยธุรกิจการเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์.2541. รายงานวิจัยโครงการศึกษาสินค้ายุทธศาสตร์ : ไม้
ดอกไม้ประดับ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.กรุงเทพฯ. 284 หน้า.
ให้นักศึกษาทุกคนประเมินประสิทธิผลของรายวิชา ทั้งด้านวิธีการสอน การจัดกิจกรรมในและห้องนอกเรียน สิ่งสนับสนุนการเรียนการสอน ที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ที่ได้รับ ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงรายวิชา ด้วยระบบเครือข่ายของมหาวิทยาลัยฯลฯ
ประเมินโดยสาขาวิชาแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน หรือจากการสังเกตการสอนโดยอาจารย์ ในสาขาวิชา หรือ การสัมภาษณ์ตัวแทนนักศึกษา
สาขาวิชากำหนดให้อาจารย์ผู้สอนทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์และวิธีการสอนจากผลการประเมินประสิทธิภาพของรายวิชา แล้วจัดทำรายงานรายวิชาตามรายละเอียดที่ สกอ.กำหนดเมื่อสอนจบภาคการศึกษา นอกจากนี้สาขาวิชากำหนดให้อาจารย์ผู้สอนเข้ารับการฝึกอบรมกลยุทธ์การสอนหรือการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และมีการประชุมอาจารย์ทั้งสาขาวิชาเพื่อหารือปัญหาการเรียนรู้ของนักศึกษาและร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
สาขาวิชามีคณะกรรมการประเมินการสอนทำหน้าที่ทวนสอบผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาในรายวิชา
โดยการสุ่มประเมินข้อสอบและความเหมาะสมของการให้คะแนน ทั้งคะแนนดิบและระดับคะแนน ของ
รายวิชา 60% ของรายวิชาทั้งหมดในความรับผิดชอบของสาขาวิชา ภายในรอบเวลาหลักสูตร
าขาวิชามีระบบการทบทวนประสิทธิผลของรายวิชา โดนพิจารณาจากผลการประเมินการสอนโดยนักศึกษา ผลการประเมินโดยคณะกรรมการประเมินการสอนของภาควิชา การรายงานรายวิชาโดย
อาจารย์ผู้สอน หลังการทบทวนประสิทธิผลของรายวิชา อาจารย์ผู้สอนรับผิดชอบในการทบทวนเนื้อหา
ที่สอนและกลยุทธ์การสอนที่ใช้ และนำเสนอแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาในรายงานผลการ
ดำเนินการของรายวิชา เสนอต่อหัวหน้าสาขาวิชา เพื่อนำเข้าที่ประชุมอาจารย์ประจำหลักสูตรพิจารณา
ให้ความคิดเห็นและสรุปวางแผนพัฒนาปรับปรุงสำหรับใช้ในปีการศึกษาถัดไป