ปฏิบัติงานอบชุบโลหะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม

Heat Treatment of Metal Practices for Industrial Professional

รายวิชาปฏิบัติงานหล่อโลหะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรมมีจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ดังนี้
1) เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในงานอบชุบโลหะ
          2) เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการอบชุบโลหะ
          3) เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติการอบชุบเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าผสม
          4) เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติการอบชุบเหล็กหล่อ
          5) เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจหลักการอบชุบโลหะนอกกลุ่มเหล็ก
          6) เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเทคนิคต่างๆ ในการอบชุบโลหะ
          6) เพื่อให้ผู้เรียนจัดทำชุดการสอนงานอบชุบโลหะ
          7) เพื่อให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการปฏิบัติงานอบชุบโลหะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม
เพื่อให้นักศึกษาได้มีองค์ความรู้ทางด้านปฏิบัติงานอบชุบโลหะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรมที่เป็นกระบวนการ โดยการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษาผ่านกลวิธีการสอน มีการวางระบบการประเมินผลการเรียนรู้ และการทวนสอบมาตรฐานผลการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมให้นักศึกษาได้รับการพัฒนามาตรฐานผลการเรียนรู้ครบทั้ง 6 ด้านตามกรอบของ TQF คือด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านความรู้ ด้านทักษะทางปัญญา ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านทักษะพิสัย จึงได้พัฒนากลวิธีการสอนโดยการเน้นการเรียนการสอนแบบสาธิต และลงมือปฏิบัติจริงตามใบงานที่กำหนด   ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังให้นักศึกษาสามารถบูรณาการองค์ความรู้ที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้จริงเมื่อทำการศึกษาครบตามเนื้อหาสาระที่ได้ดำเนินการพัฒนาปรับปรุง
ปฏิบัติการสำหรับการเตรียมเป็นครูช่างอุตสาหกรรม เกี่ยวกับความปลอดภัยในงานอบชุบโลหะ หลักการอบชุบโลหะ การอบชุบเหล็กกล้าคาร์บอน การอบชุบเหล็กกล้าผสม การอบชุบเหล็กหล่อ การอบชุบโลหะนอกกลุ่มเหล็ก เทคนิคต่างๆ ในการอบชุบโลหะ และจัดทำชุดการสอนงานหล่อโลหะ
- อาจารย์ประจำรายวิชา  ประกาศเวลาให้คำปรึกษาโดยการติดป้ายประกาศ
 - อาจารย์จัดเวลาให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มตามความต้องการ 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ (เฉพาะรายที่ต้องการ)
ผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรมที่ต้องพัฒนาส่งเสริมให้นักศึกษามีคุณธรรม จริยธรรมเพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างราบรื่น และประพฤติตนโดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม ส่งเสริมให้นักศึกษามีการพพัฒนาจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพโดยการสอดแทรกจรรยาบรรณวิชาชีพตลอดระยะเวลาในการเรียนการสอน
กลยุทธ์การสอนที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม กำหนดให้มีวัฒนธรรมองค์กรเพื่อการปลูกฝังให้นักศึกษามีระเบียบวินัย โดยเน้นการเข้าชั้นเรียนตรงเวลา ตลอดจนการแต่งกายที่เป็นไปตามระเบียบของมหาวิทยาลัย สอดแทรกและส่งเสริมด้านคุณธรรม จริยธรรมตลอดระเวลาที่ดำเนินการสอน ส่งเสริมให้นักศึกษามีจิตสาธารณะ สนับสนุนให้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการบริการวิชาการและวิชาชีพแก่สังคม ปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยกย่องเชิดชูนักศึกษาที่ทำความดีและเสียสละ
1. ประเมินจากการตรงเวลาของนักศึกษาในการเข้าชั้นเรียน การส่งงานตามกำหนดระยะเวลา การทำกิจกรรมในชั้นเรียน
2. ประเมินจากความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
3. ประเมินจากงานที่มอบหมายให้นักศึกษา เช่น การทำรายงาน การอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล ไม่ลอกงานเพื่อน
4. ประเมินผลพฤติกรรมที่แสดงออกในชั้นเรียน    และการสอบ เช่น การแต่งกายที่ถูกระเบียบ  การมีสัมมนาคารวะต่อผู้ใหญ่  การทุจริตในการสอบ
5. ประเมินจากการรับฟังคิดเห็นร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียน
6. ประเมินจากการมีวินัยและพร้อมเพรียงของนักศึกษาในการเข้าร่วมกิจกรรม
ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ที่นักศึกษาต้องได้รับในรายวิชาปฏิบัติงานอบชุบโลหะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรมครอบคลุมตามจุดมุ่งหมายรายวิชา ประกอบไปด้วยความปลอดภัยในงานอบชุบโลหะ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับการนำไปปฏิบัติงานเพื่อความปลอดภัย หลักการอบชุบโลหะ ได้เรียนรู้ถึงหลักการอบชุบโลหะที่สำคัญต่างๆ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติงานได้ตามที่ต้องการ ลงมือปฏิบัติการอบชุบเหล็กกล้าคาร์บอน การอบชุบเหล็กกล้าผสม การอบชุบเหล็กหล่อ ตลอดจนเข้าใจการอบชุบโลหะนอกกลุ่มเหล็ก และสามารถที่จะนำเทคนิคต่างๆ ในการอบชุบโลหะไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดทำชุดการสอนงานอบชุบโลหะ อีกทั้งยังปลูกฝังให้นักศึกษามีเจตนคติที่ดีแก่วิชาปฏิบัติงานอบชุบโลหะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม ตลอดจนนักศึกษาต้องสามารถบูรณาการความรู้วิชานี้กับวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ เช่น วิชาโลหะวิทยาในงานวิศวกรรม วิศวกรรมการหล่อโลหะ เป็นต้น
กลยุทธ์การสอนที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ด้านความรู้ ประกอบด้วยการบรรยาย  การอภิปราย การทำงานกลุ่ม  การนำเสนอรายงาน การวิเคราะห์กรณีศึกษา และมอบหมายให้ค้นหาบทความข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยนำมาสรุปและนำเสนอ
1. ประเมินจากการตอบข้อซักถามการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
2. ประเมินจากการงานที่มอบหมาย
3. ประเมินจากรายงานและการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
4. ประเมินความรู้จากการสอบกลางภาค สอบปลายภาค
ผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญาส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาตนเองและประกอบวิชาชีพได้เมื่อจบการศึกษา โดยเน้นให้นักศึกษารู้จักคิดหาเหตุผล เข้าใจที่มาและสาเหตุของปัญหา แนวคิดและวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเองเป็นสำคัญ มีจินตนาการและความยืดหยุ่นในการปรับใช้องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง เหมาะสมในการพัฒนานวัตกรรมหรือองค์ความรู้ต่อยอดจากเดิมได้อย่างสร้างสรรค์
กลยุทธ์การสอนที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญา ประกอบด้วยการทำงานกลุ่ม  การนำเสนอรายงาน และมอบหมายให้ค้นหาบทความข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยนำมาสรุปและนำเสนอ
1. ประเมินจากการตอบข้อซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
2. ประเมินจากแบบฝึกหัด รายงานและการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
3. ประเมินจากการสอบกลางภาค สอบปลายภาค
ผลการเรียนรู้ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบส่งเสริมให้นักศึกษา ได้รับการฝึกประสบการณ์ในการปรับตัวให้เข้ากับบุคคลและกลุ่มบุคคลต่าง ๆ เช่น การวางตัว มารยาทในการเข้าสังคม สภาวะผู้นำและผู้ตาม การทำงานเป็นทีม
กลยุทธ์การสอนที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ประกอบด้วยการมอบหมายงานในการทำงานเป็นทีม  การนำเสนอรายงาน การทีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน
 
1. ประเมินจากงานที่ได้รับมอบหมาย
2. ประเมินจากการนำเสนอและอภิปรายกลุ่ม การตอบข้อซักถาม
3. ประเมินจากการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน
4. ประเมินความรับผิดชอบงานกลุ่ม การส่งงานตามเวลา
การช่วยเหลือในการทำงาน
5. ประเมินตนเอง และเพื่อน
ผลการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศส่งเสริมให้นักศึกษามีความรู้และทักษะในการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การสอนที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วยการกำหนดกิจกรรมที่นักศึกษาต้องติดต่อสื่อสาร ค้นคว้าหาข้อมูล การวิเคราะห์เชิงตัวเลข และนำเสนอผลจากการค้นคว้าโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้และทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเทคนิคเฉพาะทางช่างอุตสาหกรรม และการจัดสัมมนา
1. ประเมินจากแบบฝึกหัด
2. ประเมินจากรายงาน และการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
3. ประเมินทักษะการใช้ภาษาจากเอกสาร การรายงานและงาน
มอบหมาย
4. ประเมินทักษะการใช้สื่อ การใช้ภาษา จากการแสดงความ
คิดเห็น
5. ประเมินจากคุณภาพของข้อมูลที่ใช้ประกอบในรายงาน
ผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยส่งเสริมให้นักศึกษามีทักษะทางการปฏิบัติ การใช้ทักษะในการวางแผน การออกแบบ การทดสอบ และการปรับปรุงแก้ไข การใช้เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ตลอดจนการดูและบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การสอนที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยในรายวิชาปฏิบัติงานอบชุบโลหะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม กำหนดให้นักศึกษาต้องฝึกปฏิบัติตามใบงานที่กำหนดทั้งหมด 16 ใบงาน ซึ่งครอบคลุมตามเนื้อหาสาระของรายวิชา โดยเน้น Hands-On เป็นสำคัญ นอกเหนือจากผลการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ ตามข้อที่ 1 - 5
-ประเมินจากทักษะการปฏิบัติตามใบงานที่กำหนดแต่ละสัปดาห์
- ประเมินจากพฤติกรรมการปฏิบัติงาน
แผนที่แสดงการกระจายความรับผิดชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสู่รายวิชา (Curriculum Mapping)
กลุ่มวิชา 1.ด้านคุณธรรม จริยธรรม 2.ด้านความรู้ 3.ด้านทักษะทางปัญญา 4.ด้านความสัมพันธ์บุคคลและความรับผิดชอบ 5.ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ 6.ด้านทักษะพิสัย
ลำดับ รหัสวิชา ชื่อวิชา 1.1 มีจิตสำนึกสารธารณะและตระหนักในคุณค่าของคุณธรรม จริยธรรม 1.2 มีจรรยาบรรณทางวิชาการและวิชาชีพ 1.3 มีวินัย ขยัน อดทน ตรงต่อเวลา และความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม 1.4 เคารพสิทธิในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ 2.1 มีความรู้และความเข้าใจทั้งด้านทฤษฎีและหลักการปฏิบัติในเนื้อหาที่ศึกษา 2.2 สามารถติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีของสาขาวิชาที่ศึกษา 2.3 สามารถบูรณาการความรู้ที่ศึกษากับความรู้ในศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 3.1 มีทักษะการปฏิบัติจากการประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้านวิชาการและวิชาชีพ 3.2 มีทักษะในการนำความรู้มาคิดและใช้อย่างเป็นระบบ 4.1 มีมนุษยสัมพันธ์และมารยาทสังคมที่ดี 4.2 มีภาวะความเป็นผู้นำและผู้ตาม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.3 สามารถทำงานเป็นทีม และสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม 4.4 สามารถใช้ความรู้ในศาสตร์มาช่วยเหลือ สังคมในประเด็นที่เหมาะสม 5.1 สามารถเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือ สื่อสารที่เหมาะสม 5.2 สามารถสืบค้น ศึกษา วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม 5.3 สามารถใช้ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม 6.1 มีทักษะในการบริหารจัดการในด้าน เวลา เครื่องมือ อุปกรณ์และวิธีการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 6.2 สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ ปฏิบัติ ตามรูปแบบการสอน ประยุกต์วิธีการสอน ได้อย่างเหมาะสมกับเนื้อหาและสภาพของ กลุ่มผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม
1 TEDIE919 ปฏิบัติงานอบชุบโลหะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 1.2(หลัก), 1.3(หลัก),1.1(รอง)} 1.4(รอง) ประเมินจาก - การตรงต่อเวลา - ความรับผิดชอบ - การมีวินัย - การเข้าร่วมกิจกรรม - พฤติกรรมที่แสดงออก ทุกสัปดาห์ 10%
2 2.1(หลัก), 2.2(รอง), 2.3(รอง), 3.1 (หลัก), 3.2(รอง), 5.2(หลัก), 5.1(รอง), 5.3(รอง) 1. ประเมินจาก - รายงานและคุณภาพของข้อมูลที่รายงาน - การนำเสนอ - การอภิปราย - การตอบข้อซักถามและทำแบบฝึกหัด - การมีส่วนร่วมในชั้นเรียน - ทักษะการใช้ภาษา - ทักษะการใช้สื่อและเทคโนโลยี 2. ประเมินจากการสอบกลางภาค 3. ประเมินจากการสอบปลายภาค ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ที่ 9 สัปดาห์ที่ 18 10% 10% 15%
3 4.2(หลัก), 4.1(รอง), 4.3(รอง)} 4.4(รอง) 1. ประเมินจาก - การทำงานเป็นทีม - ตนเองและเพื่อน - ความรับผิดชอบงานกลุ่ม - การจัดสัมมนา ทุกสัปดาห์ 10%
4 6.1(หลัก), 6.2(หลัก) ประเมินจากการปฏิบัติตามใบงานที่กำหนด สัปดาห์ที 1-8 และ สัปดาห์ที 10-17 45%
พีรพันธ์  บางพาน.  2534.  คู่มือปฏิบัติงานหล่อโลหะ 1.  เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ภาคพายัพ เชียงใหม่.
J. T. H. Pearce. และ บัญชา  ธนบุญสมบัติ.  2542.  เทคโนโลยีและโลหะวิทยาของเหล็กหล่อผสม. กรุงเทพฯ : ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
American Society for Metals.  1996.  ASM Handbook Volume 15 : Casting.  6th ed.  Materials Park, Ohio : ASM International.
American Society for Metals.  1995.  ASM Handbook Volume 9 : Metallography and Microstructures.   6th ed.  Materials Park, Ohio : ASM International.
Brown, John R., [editor].  2000.  Foseco Ferrous Foundryman’s Handbook.  Oxford : Butterworth Heinemann.
Davis, J.R., [editor].  1998.  Metals Handbook.  2nd ed.  Ohio : ASM International.
Flinn, Richard A.  1963.  Fundamentals of Metal Casting.  Reading, Massachusetts : Addison - Wesley Publishing Co.
Fredrikson, H. and Hillert, M., [editors].  1985.  The Physical Metallurgy of Cast Iron.  New York : North – Holland.
Harry Chandler-Heat Treater's Guide_ Practices and Procedures for Irons and Steels-Asm Intl (1995)
The American Foundrymen’s Society.  1993.  Ductile Iron Handbook.  Illinois : the American Foundrymen’s Society.
Walton, Charls F., [editor].  1981.  Iron Castings Handbook : Covering data on Gray, Malleable, Ductile, White, Alloy and Compacted Graphite Irons.  n.p. : Iron Castings Society.
มนัส  สถิรจินดา.  2529.  เหล็กกล้า (Steel).  กรุงเทพฯ : วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์.
วีระพันธ์  สิทธิพงศ์.  2532.  โลหะวิทยากายภาพสำหรับวิศวกร 1.  กรุงเทพฯ : นิยมวิทยา.
สุภชัย  ประเสริฐสกุล.  มปป.  โลหะวิทยากายภาพสำหรับวิศวกร 4.  วิทยาเขตขอนแก่น.
เอกสารสัมมนา.  ม,ป,ป.  งานหล่อโลหะ.
Askeland, Donald R. and Webster, P.  1990.  The Science and Engineering of Materials.  2nd ed. London : Chapman & Hall.
Baker, Hugh.  1992.  ASM Handbook Volume 3 : Alloy Phase Diagrams.  Ohio : ASM International.
 

18

Bramfitt, Bruce L. and Benscoter, Arlan O.  2002.  Metallographer’s Guide : Practices and Procedures for Irons and Steels.  Ohio : ASM International.
Japanese Standards Association.  1999.  JIS Handbook : Ferrous Materials & Metallurgy.  Tokyo : Japanese Standards Association.
       http://www.afsinc.org/
       http://www.aluminiumcastings.org/
       http://www.aluminum.org/
       http://www.asminternational.org/
       http://www.castaluminium.org/
       http://www.chaski.org/
       http://www.copper.org/
       http://www.diecasting.org/
       http://www.stainless-steel-world.net/
       http://www.sfsa.org/
       http://www.steel.org/
วีระพันธ์  สิทธิพงศ์.  2532.  โลหะวิทยากายภาพสำหรับวิศวกร 1.  กรุงเทพฯ : นิยมวิทยา.
สุภชัย  ประเสริฐสกุล.  มปป.  โลหะวิทยากายภาพสำหรับวิศวกร 4.  วิทยาเขตขอนแก่น.
เอกสารสัมมนา.  ม,ป,ป.  งานหล่อโลหะ.
Askeland, Donald R. and Webster, P.  1990.  The Science and Engineering of Materials.  2nd ed. London : Chapman & Hall.
Baker, Hugh.  1992.  ASM Handbook Volume 3 : Alloy Phase Diagrams.  Ohio : ASM International.
Bramfitt, Bruce L. and Benscoter, Arlan O.  2002.  Metallographer’s Guide : Practices and Procedures for Irons and Steels.  Ohio : ASM International.
Japanese Standards Association.  1999.  JIS Handbook : Ferrous Materials & Metallurgy.  Tokyo : Japanese Standards Association.
       http://www.afsinc.org/multimedia/MCDP.cfm?navItemNumber=512
       http://www.aluminiumlearning.com/html/index_casting.html
       http://aluminium.matter.org.uk/content/html/eng/default.asp?catid=&pageid=1
       http://www.aluminiumsandcastings.com/casting-stamping-products.html
       http://www.backyardmetalcasting.com/links.html
       http://www.castingnb.com/index.html
       http://www.cwmdiecast.com/
       http://www.copperinfo.co.uk/
       http://www.diecastingindia.net/aluminium-casting-machine-components-.html
การประเมินประสิทธิผลรายวิชาโดยนักศึกษา ได้จัดกิจกรรมเพื่อดำเนินการดังนี้
1.1 การสนทนากลุ่มระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
1.2 การสะท้อนความคิดของนักศึกษา
                1.3 เปิดโอกาสให้นักศึกษาสอบถามผลคะแนนในการทำงานเพื่อเรียนรู้ถึงข้อผิดพลาดจะสามารถนำไปปรับปรุงตนเองและเตรียมพร้อมในการสอบต่อไป
                1.4 ให้นักศึกษาประเมินพัฒนาการของตนเองโดยเปรียบเทียบความรู้ทักษะในการประมวล/คิดวิเคราะห์ก่อนและหลังการเรียนรายวิชานี้
                1.5 ให้นักศึกษาประเมินวิธีการสอน การจัดกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน สิ่งสนับสนุนการเรียนการสอนที่ส่งผลกระทบกับการเรียนรู้ของนักศึกษา
ในการเก็บข้อมูลเพื่อประเมินการสอนมีกลยุทธ์ดังนี้
2.1 การสังเกตการณ์สอนของผู้ร่วมทีมสอน
2.2 ผลการเรียนของนักศึกษา
                 2.3 การทวนสอบผลประเมินการเรียนรู้
                 2.4 สาขาวิชาตั้งคณะกรรมการประเมินการสอนจากการสังเกตการสอน การสัมภาษณ์นักศึกษา
การปรับปรุงการสอน ดำเนินการดังนี้
3.1 การประชุมเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
3.2 การปรับปรุงรายละเอียดรายวิชา
                 3.2 การวิจัยในและนอกชั้นเรียน
                 3.4 ให้ผู้สอนเข้ารับการอบรมกลยุทธ์การสอน การวิเคราะห์ผู้เรียน การวิจัยในชั้นเรียน ในรายวิชาที่มีปัญหาอย่างน้อยภาคการศึกษาละ 1 รายวิชา มีการประชุมผู้สอนเพื่อหารือปัญหาการเรียนรู้ของนักศึกษาและหาแนวทางแก้ไข
ในระหว่างกระบวนการสอนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ในรายหัวข้อ ตามที่คาดหวังจากการเรียนรู้ในวิชา โดยมีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์โดยรวมของวิชาดังนี้
            4.1 การทวนสอบการให้คะแนนจากการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษาโดยอาจารย์อื่น หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ไม่ใช่อาจารย์ประจำหลักสูตร
                 4.2 มีการตั้งคณะกรรมการในสาขาวิชา  ตรวจสอบผลการประเมินการเรียนรู้ของนักศึกษา โดยตรวจสอบวิธีสอน ข้อสอบ รายงาน วิธีการให้คะแนนสอบ และการให้คะแนนพฤติกรรม
จากผลการประเมิน และทวนสอบผลสัมฤทธิ์ประสิทธิผลรายวิชา  ได้มีการวางแผนการปรับปรุงการสอนและรายละเอียดวิชาเพื่อให้เกิดคุณภาพมากขึ้นดังนี้
         5.1  ปรับปรุงประมวลรายวิชาทุกปี หรือตามข้อเสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ตามข้อ 4
              5.2 ผู้สอนมีการทบทวนการเรียนการสอนทุกครั้งที่ทำการสอน เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในครั้งถัดไป และมีการประเมินผลการสอนโดยผู้เรียนเป็นผู้ประเมินทุกภาคการศึกษา       และนำผลที่ได้มาปรับปรุงประสิทธิผลของรายวิชาในปีการศึกษาถัดไป
              5.3 ขั้นตอนการทบทวนและวางแผนปรับปรุงรายวิชา
                   1) พิจารณาผลประเมินการสอนโดยนักศึกษา
                   2) การทบทวนเนื้อหาที่สอน กลยุทธ์การสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
                   3) เสนอแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนารายวิชาเสนอต่อประธานหลักสูตร
                   4) เสนอหัวหน้าสาขาและกรรมการคณะเพื่อวางแผนในการปรับปรุงปีการศึกษาต่อไป