การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุขั้นสูง
Advance Object Oriented Programming
1. ศึกษาและฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับเทคนิคการพัฒนาโปรแกรมโดยใช้หลักการและแนวคิดเชิงวัตถุ
2. พัฒนาโปรแกรมโดยอาศัยหลักพื้นฐานของการออกแบบเชิงวัตถุ ได้แก่ การกำหนดคลาสและชนิดข้อมูล
3. เข้าใจการถ่ายทอดคุณลักษณะของคลาส
4. เข้าใจการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล
5. เข้าใจกรรมวิธีโพลีมอร์ฟิซึ่ม โอเวอร์โหลดดิงส์และโอเวอร์ไรดิงส์
6. พัฒนาโปรแกรมเพื่อติดต่อกับฐานข้อมูล
7. เข้าใจวิธีกำหนดข้อมูลในรูปแบบต่างๆ การใช้คำสั่งต่างๆ
8. สร้างส่วนปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้และการใช้คําสั่งเกี่ยวกับการป้อนข้อมูลเข้าและการแสดงผลลัพธ์ข้อมูล
9. เข้าใจรูปแบบการเขียนโปรแกรมเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์โดยเน้นฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ
มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์
ศึกษาและฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับเทคนิคการพัฒนาโปรแกรมโดยใช้หลักการและแนวคิดเชิงวัตถุ
พัฒนาโปรแกรมโดยอาศัยหลักพื้นฐานของการออกแบบเชิงวัตถุ ได้แก่ การกำหนดคลาสและชนิดข้อมูล
การถ่ายทอดคุณลักษณะของคลาส
การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล
กรรมวิธีโพลีมอร์ฟิซึ่ม โอเวอร์โหลดดิงส์และโอเวอร์ไรดิงส์
การเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับฐานข้อมูล
วิธีกำหนดข้อมูลในรูปแบบต่างๆ การใช้คำสั่งต่างๆ
การสร้างส่วนปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้และการใช้คําสั่งเกี่ยวกับการป้อนข้อมูลเข้าและการแสดงผลลัพธ์ข้อมูล
รูปแบบการเขียนโปรแกรมเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์โดยเน้นฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ
1
2. มีความพอเพียงมีวินัย ขยัน อดทน เพียรพยายาม ตรงต่อเวลา รับผิดชอบต่อตนเอง วิชาชีพ สังคมส่วนรวม และสิ่งแวดล้อม มีความสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม และสิ่งแวดล้อม
ปลูกฝังให้นักศึกษามีวินัยโดยเน้นการเข้าเรียนให้ตรงต่อเวลา การส่งงานภายในเวลาที่กำหนดตลอดจนการแต่งกาย ที่ถูกต้องตามระเบียบของมหาวิทยาลัย
การเข้าเรียนให้ตรงต่อเวลา ตลอดจนการแต่ง กาย ที่ถูกต้องตามระเบียบของมหาวิทยาลัย
การส่งงานตามกำหนดระยะเวลาที มอบหมาย และการเข้าร่วมกิจกรรม
ความเอื้อเฟื้อหรือความมีน้ำใจต่อเพื่อนและครูอาจารย์
1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ ทฤษฎี และการปฏิบัติที่สำคัญในเนื้อหาของสาขาวิชาที่ศึกษาสามารถบูรณาการความรู้ในสาขาวิชาที่ศึกษากับความรู้ในศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม และพัฒนาความรู้ ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการได้อย่างต่อเนื่อง
6. สามารถติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและวิวัฒนาการคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการนำไปประยุกต์
1. จัดรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามลักษณะ ของรายวิชา และเนื้อหาสาระของรายวิชานั้นๆ
2. ใช้การเรียนการสอนในหลากหลายรูปแบบโดยให้ความรู้ทางด้านทฤษฎีควบคู่กับการปฏิบัติในสภาพแวดล้อมจริง
3. การบรรยายภายในชั้นเรียน และการถาม – ตอบ
1. การสอบกลางภาคเรียนและปลายภาคเรียน (ทฤษฎีและปฏิบัติ)
2. ประเมินผลการเรียนรู้ระหว่างภาค เช่น การบ้าน งานที่มอบหมาย รายงานการทดสอบย่อย การนำเสนอรายงาน การค้นคว้า หน้าชั้นเรียน
1. สามารถสืบค้น ตีความ วิเคราะห์ข้อมูล และประเมินสารสนเทศจากหลายแหล่ง เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ตามสถานการณ์แวดล้อมทางธุรกิจ และการตัดสินใจอย่างเหมาะสมด้วยตนเอง
3. คิดอย่างมีวิจารณญาณและเป็นระบบ สร้างสรรค์ และมีเหตุผล สามารถบูรณาการความรู้จากสาขาวิชาชีพที่ศึกษา และประสบการณ์เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาทางธุรกิจและสถานการณ์ทั่วไป
4. สามารถรวบรวม ศึกษา วิเคราะห์ และสรุปประเด็นปัญหาและความต้องการ
1. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และทักษะการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ จากกรณีศึกษา (งานที่ได้รับมอบหมาย)
2. กรณีศึกษาทางการจัดการ โครงงาน งานวิจัย และกำหนดให้นักศึกษาวางแผน การทำงานเป็นทีม
3. การศึกษาค้นคว้า และรายงานทางเอกสาร และรายงานหน้าชั้นเรียน
4. การมอบหมายงาน การแก้ปัญหาจากกรณีศึกษา หรือสถานการณ์จำลอง
5. การสอนแบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษามีส่วนร่วมในชั้นเรียน และมีการอภิปรายแสดงความคิดเห็น
1. ประเมินตามสภาพจริงจากผลงานและการปฏิบัติของนักศึกษา
2. การทดสอบโดยใช้แบบทดสอบ โดยออกข้อสอบที่ให้นักศึกษาแก้ปัญหา อธิบายแนวคิดการแก้ปัญหา และวิธีการแก้ปัญหาโดยการประยุกต์ความรู้ ที่เรียนมา ซึ่งจะต้องหลีกเลี่ยงข้อสอบที่เป็นการเลือกตอบที่ถูกมาคำตอบเดียวจากกลุ่มคำตอบที่ให้มา
3. ประเมินจากผลงานและการปฏิบัติงานของนักศึกษา
6. มีความรับผิดชอบในการกระทำของตนเองและรับผิดชอบงานในกลุ่ม
1. มีการมอบหมายงานที่ต้องใช้การระดมความคิดและร่วมกันทำงาน ให้ความสำคัญในการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบและการให้ความร่วมมือ
1. พฤติกรรมการทำกิจกรรมกลุ่มของนักศึกษา
2. สังเกตพฤติกรรมการระดมสมอง (Brainstorming)
4. มีทักษะการใช้เครื่องมือที่จำเป็นที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อการทำงานที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มีเนื้อหาของเครื่องมือที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุที่ทันสมัย
การทดสอบย่อย กลางภาคและปลายภาค
แผนที่แสดงการกระจายความรับผิดชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสู่รายวิชา (Curriculum Mapping)
กลุ่มวิชา | 1. คุณธรรมจริยธรรม | 2. ด้านความรู้ | 3. ทักษะทางปัญญา | 4. ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ | 5. ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลำดับ | รหัสวิชา | ชื่อวิชา | 2. มีความพอเพียงมีวินัย ขยัน อดทน เพียรพยายาม ตรงต่อเวลา รับผิดชอบต่อตนเอง วิชาชีพ สังคมส่วนรวม และสิ่งแวดล้อม มีความสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม และสิ่งแวดล้อม | 1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ ทฤษฎี และการปฏิบัติที่สำคัญในเนื้อหาของสาขาวิชาที่ศึกษาสามารถบูรณาการความรู้ในสาขาวิชาที่ศึกษากับความรู้ในศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม และพัฒนาความรู้ ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการได้อย่างต่อเนื่อง | 6. สามารถติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและวิวัฒนาการคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการนำไปประยุกต์ | 1. สามารถสืบค้น ตีความ วิเคราะห์ข้อมูล และประเมินสารสนเทศจากหลายแหล่ง เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ตามสถานการณ์แวดล้อมทางธุรกิจ และการตัดสินใจอย่างเหมาะสมด้วยตนเอง | 3. คิดอย่างมีวิจารณญาณและเป็นระบบ สร้างสรรค์ และมีเหตุผล สามารถบูรณาการความรู้จากสาขาวิชาชีพที่ศึกษา และประสบการณ์เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาทางธุรกิจและสถานการณ์ทั่วไป | 4. สามารถรวบรวม ศึกษา วิเคราะห์ และสรุปประเด็นปัญหาและความต้องการ | 6. มีความรับผิดชอบในการกระทำของตนเองและรับผิดชอบงานในกลุ่ม | 4. มีทักษะการใช้เครื่องมือที่จำเป็นที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อการทำงานที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ |
1 | BBAIS212 | การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุขั้นสูง |
กิจกรรมที่ | ผลการเรียนรู้ * | วิธีการประเมินผลนักศึกษา | สัปดาห์ที่ประเมิน | สัดส่วนของการประเมินผล |
---|---|---|---|---|
1 | 1.2 | เชคชื่อ ตรวจเครื่องแต่งกาย | ทุกสัปดาห์ | 10 |
2 | 2.1, 2.2, 3.1, 3.3, 3.4, 5.4 | สอบทฤษฎี ครั้งที่ 1 | 8 | 15 |
3 | 2.1, 2.2, 3.1, 3.3, 3.4, 5.4 | สอบปฏิบัติการ ครั้งที่ 1 | 8 | 15 |
4 | 2.1, 2.2, 3.1, 3.3, 3.4, 5.4 | สอบทฤษฎี ครั้งที่ 2 | 15 | 15 |
5 | 2.1, 2.2, 3.1, 3.3, 3.4, 5.4 | สอบปฏิบัติการ ครั้งที่ 2 | 15 | 15 |
6 | 4.6 | งานที่ได้รับมอบหมาย (ทฤษฏี, ปฏิบัติ) | ทุกสัปดาห์ | 30 |
เว็บไซต์ E-Learning ของมหาวิทยาลัย
ธีรวัฒน์ ประกอบผล. 2556. คู่มือการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุภาษา JAVA OOP ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : รีไวว่า.
รังสิต ศิริรังษี. 2556. แนวคิดเชิงวัตถุด้วยจาวา. สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
วรเศรษฐ สุวรรณิก และ ทศพล ธนะทิพานนท์. 2549. เขียนโปรแกรม Java เบื้องต้น. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.
สุดา เธียรมนตรี. 2555. คู่มือเรียนเขียนโปรแกรมภาษา Java ฉบับสมบูรณ์. นนทบุรี : ไอดีซี พรีเมียร์.
Bootstrap, https://getbootstrap.com/
Java OOP, https://docs.oracle.com/javase/tutorial/java/concepts/index.html
Angular, https://angular.io/
CodeIgniter, https://codeigniter.com/
Java OOP, https://docs.oracle.com/javase/tutorial/java/concepts/index.html
Angular, https://angular.io/
CodeIgniter, https://codeigniter.com/
การประเมินประสิทธิผลรายวิชานี้ ที่จัดทำโดยนักศึกษา ได้จัดกิจกรรมในการนำแนวคิดและความเห็นจากนักศึกษาได้ดังนี้
1. การสนทนากลุ่มระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
2. แบบประเมินผู้สอน และแบบประเมินรายวิชา
3. ข้อเสนอแนะผ่านระบบสังคมออนไลน์ (Social Network) ที่อาจารย์ผู้สอนได้จัดทำเป็นช่องทางการสื่อสารกับนักศึกษา
ในการเก็บข้อมูลเพื่อประเมินการสอน ได้มีกลยุทธ์ ดังนี้
1. แบบประเมินผู้สอนและแบบประเมินรายวิชา
2. ผลการเรียนของนักศึกษา
3. การทวนสอบผลประเมินการเรียนรู้
2. ผลการเรียนของนักศึกษา
3. การทวนสอบผลประเมินการเรียนรู้
หลังจากผลการประเมินการสอนในข้อ 2 จึงมีการปรับปรุง ดังนี้
1. ปรับหัวข้อ และ ระยะเวลาในการสอนให้เหมาะสมกับการเรียนการสอน
2. ปรับปุรงเนื้อหา ให้เหมาะสมกับ การเรียนการสอน
ในระหว่างกระบวนการสอนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ในรายหัวข้อ ตามที่คาดหวังจากการเรียนรู้ในวิชา ได้จาก การสอบถามนักศึกษา หรือการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษา รวมถึงพิจารณาจากผลการ ทดสอบย่อย และหลังการออกผลการเรียนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์โดยรวมในวิชาได้ดังนี้
มีการตั้งคณะกรรมการในหลักสูตร ตรวจสอบผลการประเมินการเรียนรู้ของนักศึกษา โดยใช้แบบสอบถามประเมินผลการเรียนรู้ และ/หรือตรวจสอบข้อสอบ รายงาน วิธีการให้คะแนนสอบ และการให้คะแนนพฤติกรรม
จากผลการประเมิน และทวนสอบผลสัมฤทธิ์ประสิทธิผลรายวิชา ได้มีการวางแผนการปรับปรุงการสอนและรายละเอียดวิชา เพื่อให้เกิดคุณภาพมากขึ้น ดังนี้
1. ปรับปรุงรายวิชาทุก 3 ปี หรือตามข้อเสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ตามข้อ 4
2. เปลี่ยนหรือสลับอาจารย์ผู้สอน เพื่อให้นักศึกษามีมุมมองในเรื่องการประยุกต์ความรู้นี้กับปัญหาที่มาจากงานวิจัยของอาจารย์หรืออุตสาหกรรมต่างๆ