ความแข็งแรงของวัสดุ 1
Strength of Materials 1
1.1 เข้ าใจหลั กของแรงและความเค้ น
1.2 อธิ บายความสั มพั นธ์ ระหว่ างความเค้ นและความเครี ยด
1.3 ค านวณหาความเค้ นและความเครี ยดในวั สดุ ภายใต้ แรงตามแนวแกน แรงบิ ด แรงตาม
แนวขวาง
1.4 ค านวณการโก่ งตั วของคานภายใต้ แรงกระท าลั กษณะต่ างๆ
1.5 วิ เคราะห์ หน่ วยแรงรวมที ่ เกิ ดจากแรงชนิ ดต่ างๆที ่ กระท า ณ จุ ดใดๆของชิ ้ นส่ วนโครงสร้ าง
ในเวลาเดี ยวกั น และประยุ กต์ ใช้ วงกลมของมอร์
1.6 เห็ นถึ งความส าคั ญของวิ ชาความแข็ งแรงของวั สดุ 1
มี การปรั บปรุ งเนื ้ อหาให้ เหมาะสมกั บสถานการณ์ และเทคโนโลยี ปั จจุ บั น
ศึ กษาเกี ่ ยวกั บลั กษณะของแรงและความเค้ น ความสั มพั นธ์ ระหว่ างความเค้ นและความเครี ยด แรงตาม
แนวแกน แรงบิ ด แรงเฉื อนและโมเมนต์ ดั ด ความเค้ นในคาน การโก่ งตั วของคาน หน่ วยความเค้ นประสมและ
วงกลมของมอร์
1 ชั ่ วโมง/สั ปดาห์ (เฉพาะรายที ่ ต้ องการ )
1. 1. 1 เข้ าใจและซาบซึ ้ งในวั ฒนธรรมไทยตระหนั กในคุ ณค่ าของระบบคุ ณธรรม จริ ยธรรม
เสี ยสละ และ ซื ่ อสั ตย์ สุ จริ ต
1. 1. 2 มี วิ นั ย ตรงต่ อเวลา รั บผิ ดชอบต่ อตนเองและสั งคม เคารพกฎ ระเบี ยบและข้ อบั งคั บ
ต่ าง ๆ ขององค์ กรและสั งคม
1. 1. 3 มี ภาวะความเป็ นผู ้ น าและผู ้ ตาม สามารถท างานเป็ นหมู ่ คณะ สามารถแก้ ไขข้ อ
ขั ดแย้ ง ตาม ล าดั บความส าคั ญ เคารพสิ ทธิ และรั บฟั งความคิ ดเห็ นของผู ้ อื ่ น รวมทั ้ ง
เคารพในคุ ณค่ าและศั กดิ ์ ศรี ของความเป็ นมนุ ษย์
1. 1. 4 สามารถวิ เคราะห์ และประเมิ น ผลกระทบจากการใช้ ความรู ้ ทางวิ ศวกรรมต่ อบุ คคล
องค์ กร สั งคมและสิ ่ งแวดล้ อม
1. 1. 5 มี จรรยาบรรณทางวิ ชาการและวิ ชาชี พและมี ความรั บผิ ดชอบ ในฐานะผู ้ ประกอบ
วิ ชาชี พ รวมถึ งเข้ าใจถึ งบริ บททางสั งคมของวิ ชาชี พวิ ศวกรรมในแต่ ละสาขา ตั ้ งแต่
อดี ตจนถึ งปั จจุ บั น
1. 2. 1 แนะน าในห้ องเรี ยน อาจารย์ ปฏิ บั ติ ตนเป็ นตั วอย่ าง
1. 2. 2 ให้ ความส าคั ญในวิ นั ย การตรงต่ อเวลา การส่ งงานในเวลาที ่ ก าหนด
1. 2. 3 แบ่ งกลุ ่ มงาน แบ่ งกลุ ่ มทดสอบย่ อย
1. 2. 4 เปิ ดโอกาสให้ มี การตั ้ งค าถามหรื อตอบค าถาม หรื อแสดงความคิ ดเห็ นที ่ เกี ่ ยวข้ อง ใน
ชั ้ นเรี ยนในโอกาสต่ างๆ
1. 2. 5 ใช้ กรณี ศึ กษาและการเสวนา
1. 2. 6 ให้ ความส าคั ญต่ อจรรยาบรรณวิ ชาชี พ และปลู กฝั งจรรณยาบรรณวิ ชาชี
1. 3. 1 สั งเกตพฤติ กรรมนั กศึ กษา
1. 3. 2 การขานชื ่ อ การให้ คะแนนเข้ าชั ้ นเรี ยน
1. 3. 3 การส่ งงานที ่ มอบหมายตามเวลา
1. 3. 4 การท างานร่ วมกั บผู ้ อื ่ น
1. 3. 5 น าเสนองานที ่ มอบหมายในชั ้ นเรี ยนและน าเสนอเป็ นกลุ ่ ม
1. 3. 6 ประเมิ นผลจากกรณี ศึ กษาและการเสวนา
2. 1. 1 มี ความรู ้ และความเข้ าใจทางคณิ ตศาสตร์ พื ้ นฐาน วิ ทยาศาสตร์ พื ้ นฐาน วิ ศวกรรม
พื ้ นฐาน และเศรษฐศาสตร์ เพื ่ อการประยุ กต์ ใช้ กั บงานทางด้ านวิ ศวกรรมศาสตร์ ที ่
เกี ่ ยวข้ อง และการสร้ างนวั ตกรรมทางเทคโนโลยี
2. 1. 2 มี ความรู ้ และความเข้ าใจเกี ่ ยวกั บหลั กการที ่ ส าคั ญ ทั ้ งในเชิ งทฤษฎี และปฏิ บั ติ ในเนื ้ อหา
ของสาขาวิ ชาเฉพาะด้ านทางวิ ศวกรรม
2. 1. 3 สามารถบู รณาการความรู ้ ในสาขาวิ ชาที ่ ศึ กษากั บความรู ้ ในศาสตร์ อื ่ น ๆ ที ่ เกี ่ ยวข้ อง
2. 1. 4 สามารถวิ เคราะห์ และแก้ ไขปั ญหา ด้ วยวิ ธี การที ่ เหมาะสม รวมถึ งการประยุ กต์ ใช้
เครื ่ องมื อที ่ เหมาะสม เช่ น โปรแกรมคอมพิ วเตอร์ เป็ นต้ น
2. 1. 5 สามารถใช้ ความรู ้ และทั กษะในสาขาวิ ชาของตน ในการประยุ กต์ แก้ ไขปั ญหาในงาน
จริ งได้
2. 2. 1 สอน อธิ บาย ยกตั วอย่ างกรณี ศึ กษา
2. 2. 2 จั ดกิ จกรรมการเรี ยนการสอนที ่ เน้ นผู ้ เรี ยนเป็ นส าคั ญ
2. 2. 3 อธิ บายความเชื ่ อมโยงของความรู ้ ในวิ ชาที ่ ศึ กษากั บศาสตร์ อื ่ นๆที ่ เกี ่ ยวข้ อง
2. 2. 4 สอนโดยเน้ นหลั กทางทฤษฏี และการประยุ กต์ ใช้ โปรแกรมคอมพิ วเตอร์ ที ่ เกี ่ ยวข้ อง
เพื ่ อให้ เกิ ดองค์ ความรู ้
2. 3. 1 งานที ่ มอบหมาย การสอบย่ อย สอบกลางภาค และสอบปลายภาค
2. 3. 2 ประเมิ นจากการเสวนา
3. 1. 1 มี ความคิ ดอย่ างมี วิ จารณญาณที ่ ดี
3. 1. 2 สามารถรวบรวม ศึ กษา วิ เคราะห์ และ สรุ ปประเด็ นปั ญหาและความต้ องการ
3. 1. 3 สามารถคิ ด วิ เคราะห์ และแก้ ไขปั ญหาด้ านวิ ศวกรรมได้ อย่ างมี ระบบ รวมถึ งการใช้
ข้ อมู ลประกอบการตั ดสิ นใจในการท างานได้ อย่ างมี ประสิ ทธิ ภาพ
3. 1. 4 มี จิ นตนาการและความยื ดหยุ ่ นในการปรั บใช้ องค์ ความรู ้ ที ่ เกี ่ ยวข้ องอย่ างเหมาะสม
ในการพั ฒนานวั ตกรรมหรื อต่ อยอดองค์ ความรู ้ จากเดิ มได้ อย่ างสร้ างสรรค์
3. 1. 5 สามารถสื บค้ นข้ อมู ลและแสวงหาความรู ้ เพิ ่ มเติ มได้ ด้ วยตนเอง เพื ่ อการเรี ยนรู ้ ตลอด
ชี วิ ต และทั นต่ อการเปลี ่ ยนแปลงทางองค์ ความรู ้ และเทคโนโลยี ใหม่ ๆ
3. 2. 1 แนะน าในห้ องเรี ยน อธิ บาย สอน ยกตั วอย่ าง
3. 2. 2 มอบหมายงานที ่ ส่ งเสริ มการคิ ด วิ เคราะห์
3. 2. 3 แนะน าเทคนิ คการสื บค้ นข้ อมู ลและแหล่ งข้ อมู ล
3. 3. 1 สั งเกตพฤติ กรรมนั กศึ กษา
3. 3. 2 งานที ่ มอบหมาย การสอบย่ อย สอบกลางภาค และสอบปลายภาค
4. 1. 1 สามารถสื ่ อสารกั บกลุ ่ มคนที ่ หลากหลาย และสามารถสนทนาทั ้ งภาษาไทยและ
ภาษาต่ างประเทศได้ อย่ างมี ประสิ ทธิ ภาพ สามารถใช้ ความรู ้ ในสาขาวิ ชาชี พมา
สื ่ อสารต่ อสั งคมได้ ในประเด็ นที ่ เหมาะสม
4. 1. 2 สามารถเป็ นผู ้ ริ เริ ่ มแสดงประเด็ นในการแก้ ไขสถานการณ์ เชิ งสร้ างสรรค์ ทั ้ งส่ วนตั ว
และส่ วน รวม พร้ อมทั ้ งแสดงจุ ดยื นอย่ างพอเหมาะทั ้ งของตนเองและของกลุ ่ ม
รวมทั ้ งให้ ความช่ วยเหลื อและอ านวยความสะดวกในการแก้ ไขปั ญหาสถานการณ์ ต่ าง
ๆ
4. 1. 3 สามารถวางแผนและรั บผิ ดชอบ ในการพั ฒนาการเรี ยนรู ้ ทั ้ งของตนเอง และ
สอดคล้ องกั บทางวิ ชาชี พอย่ างต่ อเนื ่ อง
4. 1. 4 รู ้ จั กบทบาท หน้ าที ่ และมี ความรั บผิ ดชอบในการท างานตามที ่ มอบหมาย ทั ้ งงาน
บุ คคลและงานกลุ ่ ม สามารถปรั บตั วและท างานร่ วมกั บผู ้ อื ่ นทั ้ งในฐานะผู ้ น า และผู ้
ตามได้ อย่ างมี ประสิ ทธิ ภาพ สามารถวางตั วได้ อย่ างเหมาะสมกั บความรั บผิ ดชอบ
4. 1. 5 มี จิ ตส านึ กความรั บผิ ดชอบด้ านความปลอดภั ยในการท างาน และการรั กษา
สภาพแวดล้ อมต่ อสั งคม
4. 2. 1 แนะน าในห้ องเรี ยน
4. 2. 2 ใช้ สื ่ อการสอนที ่ ท าให้ นั กศึ กษาเกิ ดความคุ ้ นเคยกั บภาษาต่ างประเทศ
4. 2. 3 ส่ งเสริ มทั กษะการอยู ่ ในสั งคม
4. 2. 4 แบ่ งกลุ ่ มทดสอบย่ อย
4. 3. 1 สั งเกตพฤติ กรรมนั กศึ กษา
4. 3. 2 ประเมิ นจากการเสวนา
4. 3. 3 ประเมิ นจากงานที ่ มอบหมาย
5. 1. 1 มี ทั กษะในการใช้ คอมพิ วเตอร์ ส าหรั บการท างานที ่ เกี ่ ยวข้ องกั บวิ ชาชี พได้ เป็ นอย่ างดี
5. 1. 2 มี ทั กษะในการวิ เคราะห์ ข้ อมู ลสารสนเทศทางคณิ ตศาสตร์ หรื อการแสดงสถิ ติ
ประยุ กต์ ต่ อการแก้ ปั ญหาที ่ เกี ่ ยวข้ องได้ อย่ างสร้ างสรรค์
5. 1. 3 สามารถประยุ กต์ ใช้ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื ่ อสารที ่ ทั นสมั ยได้ อย่ าง
เหมาะสมและมี ประสิ ทธิ ภาพ
5. 1. 4 มี ทั กษะในการสื ่ อสารข้ อมู ลทั ้ งทางการพู ด การเขี ยน และการสื ่ อความหมายโดยใช้
สั ญลั กษณ์
5. 1. 5 สามารถใช้ เครื ่ องมื อการค านวณและเครื ่ องมื อทางวิ ศวกรรม เพื ่ อประกอบวิ ชาชี พใน
สาขาวิ ศวกรรมที ่ เกี ่ ยวข้ องได้
5. 2. 1 สอน อธิ บาย ยกตั วอย่ างการใช้ Spreadsheet และ/หรื อ Software ที ่ เกี ่ ยวข้ อง
5. 2. 2 แนะน าเทคนิ คการสื บค้ นข้ อมู ลและแหล่ งข้ อมู ล
5. 2. 3 ฝึ กทั กษะ ตามหั วข้ อทางวิ ชาการให้ นั กศึ กษาได้ ปฏิ บั ต
5. 3. 1 งานที ่ มอบหมาย การสอบย่ อย สอบกลางภาค และสอบปลายภาค
5. 3. 2 สั งเกตพฤติ กรรมนั กศึ กษา
6. 1. 1 มี ทั กษะในการบริ หารจั ดการในด้ านเวลา เครื ่ องมื อ อุ ปกรณ์ และวิ ธี การได้ อย่ างมี
ประสิ ทธิ ภาพ
6. 1. 2 มี ทั กษะในการปฏิ บั ติ งานกลุ ่ ม มี การแบ่ งหน้ าที ่ ความรั บผิ ดชอบ และมี ความร่ วมมื อ
กั นเป็ นอย่ างดี
6. 2. 1 สอน อธิ บาย ยกตั วอย่ าง
6. 2. 2 สร้ างเจตคติ ที ่ ดี ในการปฏิ บั ติ งานกลุ ่ ม
6. 2. 3 มอบหมายงานที ่ ส่ งเสริ มการวิ เคราะห์ และการแก้ ปั ญหา
6. 3. 1 สั งเกตพฤติ กรรมนั กศึ กษา
6. 3. 2 ประเมิ นจากงานที ่ มอบหมาย
กิจกรรมที่ | ผลการเรียนรู้ * | วิธีการประเมินผลนักศึกษา | สัปดาห์ที่ประเมิน | สัดส่วนของการประเมินผล |
---|---|---|---|---|
1 | 2.1 - 2.5 3.1 – 3.5 4.4, 4.5 5.1 - 5.5 6.1, 6.2 | สอบกลางภาค สอบปลายภาค | 8 17 | 35% 35% |
2 | 1.2, 1.3 2.1 - 2.5 3.1 – 3.5 4.4, 4.5 5.1 - 5.5 6.1, 6.2 | การส่ งงานตามที ่ มอบหมาย งานย่ อย และงานproject ) | ตลอดภาค การศึ กษา | 20% |
- A. Pytel & F.L.Singer, Strength of Materials, 4th ed.
- J.M.Gere & S.P.Timoshenko, Mechanics of Materials
- PowerPoint ประกอบการสอน
-
เว็ บไซต์ ที ่ เกี ่ ยวกั บหั วข้ อในประมวลรายวิ ชา
การประเมิ นประสิ ทธิ ผลรายวิ ชานี ้ ที ่ จั ดท าโดยนั กศึ กษา ได้ จั ดกิ จกรรมในการน าแนวคิ ดและความเห็ น
จากนั กศึ กษาได้ ดั งนี ้
1. 1 การสนทนากลุ ่ มระหว่ างผู ้ สอนและผู ้ เรี ยน
1. 2 แบบประเมิ นผู ้ สอน และแบบประเมิ นรายวิ ชา
1. 3 ข้ อเสนอแนะผ่ านเว็ บบอร์ ด ที ่ อาจารย์ ผู ้ สอนได้ จั ดท าเป็ นช่ องทางการสื ่ อสารกั บนั กศึ กษา
ในการเก็ บข้ อมู ลเพื ่ อประเมิ นการสอน ได้ มี กลยุ ทธ์ ดั งนี ้
2. 1 การสั งเกตการณ์ สอนของผู ้ ร่ วมที มสอน
2. 2 ผลการเรี ยนของนั กศึ กษา
2. 3 การทวนสอบผลประเมิ นการเรี ยนรู ้
หลั งจากผลการประเมิ นการสอนในข้ อ 2 จึ งมี การปรั บปรุ งการสอน โดยการจั ดกิ จกรรมในการระดม
สมอง และหาข้ อมู ลเพิ ่ มเติ มในการปรั บปรุ งการสอน ดั งนี ้
3. 1 สั มมนาการจั ดการเรี ยนการสอน
3. 2 การวิ จั ยในและนอกชั ้ นเรี ยน
ในระหว่ างกระบวนการสอนรายวิ ชา มี การทวนสอบผลสั มฤทธิ ์ ในรายหั วข้ อ ตามที ่ คาดหวั งจากการเรี ยนรู ้
ในวิ ชา ได้ จาก การสอบถามนั กศึ กษา หรื อการสุ ่ มตรวจผลงานของนั กศึ กษา รวมถึ งพิ จารณาจากผลการ
ทดสอบย่ อย และหลั งการออกผลการเรี ยนรายวิ ชา มี การทวนสอบผลสั มฤทธิ ์ โดยรวมในวิ ชาได้ ดั งนี ้
4. 1 การทวนสอบการให้ คะแนนจากการสุ ่ มตรวจผลงานของนั กศึ กษาโดยอาจารย์ อื ่ น หรื อผู ้ ทรงคุ ณวุ ฒิ
ที ่ ไม่ ใช่ อาจารย์ ประจ าหลั กสู ตร
4. 2 มี การตั ้ งคณะกรรมการในสาขาวิ ชา ตรวจสอบผลการประเมิ นการเรี ยนรู ้ ของนั กศึ กษา โดย
ตรวจสอบข้ อสอบ รายงาน วิ ธี การให้ คะแนนสอบ และการให้ คะแนนพฤติ กรรม
จากผลการประเมิ น และทวนสอบผลสั มฤทธิ ์ ประสิ ทธิ ผลรายวิ ชา ได้ มี การวางแผนการปรั บปรุ งการสอน
และรายละเอี ยดวิ ชา เพื ่ อให้ เกิ ดคุ ณภาพมากขึ ้ น ดั งนี ้
5. 1 ปรั บปรุ งรายวิ ชาทุ ก 3 ปี หรื อตามข้ อเสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสั มฤทธิ ์ ตามข้ อ 4
5. 2 เปลี ่ ยนหรื อสลั บอาจารย์ ผู ้ สอน เพื ่ อให้ นั กศึ กษามี มุ มมองในเรื ่ องการประยุ กต์ ความรู ้ นี ้ กั บปั ญหาที ่ มา
จากงานวิ จั ยของอาจารย์ หรื ออุ ตสาหกรรมต่ าง ๆ