การแปลเบื้องต้น

Introduction to Translation

เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของการแปล มีทักษะในการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยใช้ภาษาที่ถูกต้องและเหมาะสม
เพื่อให้นักศึกษามีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทฤษฎีกระบวนการ และกลวิธีการแปลงานเขียนประเภทต่าง ๆ โดยใช้ภาษาที่ถูกต้องและเหมาะสม และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือ เพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ศึกษาและฝึกปฏิบัติหลักและวิธีการแปลพื้นฐานภาอังกฤษเป็นภาษาไทย และ ภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ในระดับคำ วลี ประโยค และย่อหน้า จากงานเขียนและ สื่อประเภทต่างๆ ตลอดจนการใช้สื่อสารสนเทศช่วยในการแปล
อาจารย์จัดเวลาให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มตามความต้องการ 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ (เฉพาะรายที่ต้องการ)
ส่งเสริมผู้เรียนให้พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมไปพร้อมกับวิทยาการ โดยเน้นที่
1. ความมีจรรยาบรรณทางวิชาการหรือวิชาชีพ
2. ความมีวินัย ขยัน อดทน ตรงต่อเวลา และความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม
สอดแทรกและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม โดย
         1.    ให้ความรู้เกี่ยวกับหลักจรรยาบรรณของการแปลในเนื้อหาของบทเรียน
         2.    ให้นักศึกษาทำงานมอบหมายด้วยตนเองในทุกบทเรียน โดยค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
         3.    กำหนดเกณฑ์ให้นักศึกษาได้สร้างวินัยในตนเอง เช่น การเข้าชั้นเรียนตรงเวลาและสม่ำเสมอ การส่งงานตรงตามกำหนดเวลา ความอดทน และการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในชั้นเรียน
1.   การทดสอบความเข้าใจในการสอบกลางภาคและปลายภาค
2.   การเข้าเรียนตรงเวลา และการส่งงานตามเวลาที่กำหนด
3.   การมีส่วนร่วมในกิจกรรมระหว่างเรียน
พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และความเข้าใจทั้งในด้านทฤษฎีและหลักการปฏิบัติในเนื้อหาของรายวิชา โดยทางทฤษฎีเน้นความรู้ความเข้าใจในเรื่องหลักการแปล ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการแปล กระบวนการและกลวิธีการแปล ส่วนในทางปฏิบัติ เน้นการฝึกแปลงานเขียนประเภทต่าง ๆ จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยมุ่งเน้นให้นักศึกษาได้บูรณาการความรู้เกี่ยวกับการแปลกับศาสตร์ต่างๆ อย่างเหมาะสม
ยึดหลักการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดย
1.    ให้ความรู้แก่นักศึกษาในบทเรียนต่าง ๆ แล้วให้ฝึกปฏิบัติตามกิจกรรมที่กำหนดในบทเรียน
2.    ให้นักศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
3.    ให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติการแปลเอกสารทั้งในและนอกชั้นเรียน
1.   การทดสอบย่อย / สอบกลางภาค / สอบปลายภาค
2.   การฝึกปฏิบัติการแปลข้อเขียนและปากเปล่าประเภทต่าง ๆ ทั้งในและนอกชั้นเรียน
พัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะการปฏิบัติจากการประยุกต์ความรู้ด้านวิชาการ ที่ได้รับจากการศึกษาเนื้อหาในบทเรียน และจากการค้นคว้าเพิ่มเติมนอกชั้นเรียน มาใช้ในการแปลงานเขียนประเภทต่าง ๆ ในระดับประโยค ย่อหน้า และข้อความ
ยึดหลักการเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ โดย
1.    ให้นักศึกษาวิเคราะห์งานแปลและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานแปลประเภทต่างๆ
2.    ให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติการแปลเอกสารจริง
3.    ให้นักศึกษาทำงานมอบหมายนอกชั้นเรียนโดยเลือกเอกสารเอง
1.   การทดสอบภาคทฤษฎี และปฏิบัติ
2.   การอภิปราย ซักถาม แสดงความคิดเห็น และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่ม
3.   การทำแบบฝึกหัด งานที่ได้รับมอบหมาย และการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักการทำงานเป็นทีม โดยการช่วยกันค้นคว้าหาคำตอบ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรวมถึงสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม
จัดให้นักศึกษาได้ทำกิจกรรมแบบกลุ่มในชั้นเรียน กระตุ้นให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น และช่วยกันระดมสมองในการฝึกการแปลงานเขียนประเภทต่างๆ
1.   ให้นักศึกษาประเมินกันเองในกิจกรรมกลุ่ม
2.   ผู้สอนประเมินจากการปฏิบัติงานกลุ่ม
3.   สังเกตจากความสนใจ ความตั้งใจและการมีส่วนรวมของนักศึกษา
พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นให้นักศึกษา
         1.    ค้นคว้า ศึกษา วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการแปลอย่างเหมาะสม
         2.    สามารถใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบท
ประเมินจากผลงานและการฝึกปฏิบัติของนักศึกษา ได้แก่
         1.    สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการแปลในบทเรียนต่าง ๆ
         2.    ให้นักศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้ง off-line และ on-line
         3.    ให้ความรู้เกี่ยวกับระดับ รูปแบบ และสไตล์ของภาษาผ่านงานเขียนประเภทต่าง ๆ
         4.    ให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติการแปลเอกสารหลากหลายประเภท
ประเมินจากผลงานและการฝึกปฏิบัติของนักศึกษา ได้แก่
         1.    การทดสอบความรู้ด้านภาษาในการสอบกลางภาคและปลายภาค
         2.    ผลงานการทำแบบฝึกปฏิบัติการแปลในชั้นเรียน
         3.    ผลการทำงานมอบหมายนอกชั้นเรียน
ผู้เรียนสามารถมีทักษะในการแปลขั้นพื้นฐานในระดัับคำ ประโยค และข้อความ รวมถึงสามารถแปลนิทานพื้นบ้านทั้งจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ และจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
ให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดทั้งในห้องเรียนและเป็นการบ้าน รวมถึงให้ผู้เรียนหานิทานพื้นบ้านภาษาไทยที่มีความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 มา และแปลเป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งอาจารย์ผู้สอนได้จัดหานิยายภาษาอังกฤษมา 1 เล่ม และแบ่งให้ผู้เรียนแบ่งกันแปลคนละประมาณ 3-5 หน้า หลังจากนั้นอาจารย์ผู้สอนก็ตรวจแก้ไขงานของผู้เรียน และนำมารวมเป็นเล่ม
สอบย่อย แบบฝึกหัด งานที่มอบหมายให้ทำ และสอบปลายภาค
กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ * วิธีการประเมินผลนักศึกษา สัปดาห์ที่ประเมิน สัดส่วนของการประเมินผล
1 หน่วยที่ 1-2 สอบกลางภาค 9 25%
2 หน่วยที่ 3-5 สอบปลายภาค 17 25%
3 หน่วยที่ 1-5 ทดสอบย่อย / แบบฝึกหัด / กิจกรรม / งานมอบหมาย ตลอดภาคการศึกษา 40%
4 จิตพิสัย ตลอดภาคการศึกษา 10%
ไม่มี
เอกสารประกอบการสอนวิชาการแปลเบื้องต้น
1.   ทิพา เทพอัครพงศ์. 2547. การแปลเบื้องต้น. กรุงเทพฯ.  สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
2.   ประเทือง ทินรัตน์. 2543. การแปลเชิงปฏิบัติ. กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
3.   ปัญญา บริสุทธิ์. 2540. ทฤษฎีและวิธีปฏิบัติในการแปล. กรุงเทพฯ ราชบัณฑิตยสถาน.
4.   มณีรัตน์ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา. 2548. การแปล: หลักการและการวิเคราะห์. กรุงเทพฯ  สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
5.   รัชนีโรจน์ กุลธำรง. 2552. ความรู้ความเข้าใจเรื่องภาษาเพื่อการแปล.  กรุงเทพฯ  สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
6.   วรรณา แสงอร่ามเรือง. 2542. ทฤษฎีและหลักการแปล. กรุงเทพฯ โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
7.   สิทธา พินิจภูวดล. 2539. “หลักการแปล” เอกสารการสอนชุดวิชาภาษาเพื่อการสื่อสาร หน่วยที่ 15. กรุงเทพฯ  มสธ.
8.   สิทธา พินิจภูวดล. 2542. คู่มือนักแปลอาชีพ. กรุงเทพฯ บริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัด.
9.   สุพรรณี  ปิ่นมณี. 2546. การแปลขั้นสูง. กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
10. เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษาและการแปลภาษา
การประเมินประสิทธิผลของรายวิชาที่จัดทำโดยนักศึกษาได้จากกิจกรรมดังต่อไปนี้
          1. การสนทนากลุ่มระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
          2. แบบประเมินผู้สอน และแบบประเมินรายวิชา
          3. ข้อเสนอแนะที่อาจารย์ผู้สอนได้จากนักศึกษาผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ
การเก็บข้อมูลเพื่อประเมินการสอนมีกลยุทธ์ดังต่อไปนี้
          1. การสังเกตการณ์การสอนของหัวหน้าสาขาวิชา/หัวหน้าสาขา/ผู้ที่คณะมอบหมาย
          2. ผลการเรียนของนักศึกษา
          3. การทวนสอบผลประเมินการเรียนรู้
นำผลประเมินการสอนตามข้อ 2 มาปรับปรุงการสอนโดยการจัดกิจกรรมระดมสมอง และหาข้อมูลเพิ่มเติมในการปรับปรุงการสอนดังนี้
          1. สัมมนาการจัดการเรียนการสอน
          2. ดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
ในระหว่างกระบวนการสอนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ตามที่คาดหวังจากการเรียนรู้ในวิชาจากกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การสอบถามนักศึกษา หรือการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษา รวมถึงพิจารณาจากผลการทดสอบย่อย และหลังการออกผลการเรียนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์โดยรวมได้ดังนี้
          1. การทวนสอบการให้คะแนนจากการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษาโดยหัวหน้าสาขาวิชา หรือหัวหน้าสาขา หรือผู้ที่คณะมอบหมาย
          2. มีการตั้งคณะกรรมการในสาขาวิชา ตรวจสอบผลการประเมินการเรียนรู้ของนักศึกษา โดยตรวจสอบข้อสอบ รายงาน วิธีการให้คะแนนสอบ คะแนนภาคปฏิบัติ และการให้คะแนนพฤติกรรม
นำผลการประเมินและทวนสอบผลสัมฤทธิ์ประสิทธิผลรายวิชา มาวางแผนปรับปรุงการสอนและรายละเอียดของรายวิชาเพื่อให้เกิดคุณภาพมากขึ้นดังนี้
          1. ปรับปรุงรายวิชาทุก 3 ปี หรือตามข้อเสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ตามข้อ 4
          2. เปลี่ยนหรือสลับอาจารย์ผู้สอน เพื่อให้นักศึกษามีมุมมองในเรื่องการประยุกต์ความรู้จากรายวิชานี้ เข้ากับปัญหาที่มาจากงานวิจัยหรือประสบการณ์ของอาจารย์